แก้ไขเสียง เพิ่มความมั่นใจ ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
เสียง คือ ส่วนสำคัญในการบ่งบอกบุคลิกภาพของเรา เช่น การมีเสียงทุ้มต่ำ ดัง กังวาน แสดงถึงความมีอำนาจ มีบารมี ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นเพศชาย ในขณะที่เสียงแหลม เล็ก เสียงอ่อน เสียงเบา เป็นลักษณะที่ชี้นำไปทางเพศหญิงมากกว่า เพราะฉะนั้น นอกจากการผ่าตัด หรือศัลยกรรมรูปร่างภายนอก ให้ตรงกับเพศสภาพตามที่ต้องการแล้ว การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงยังเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็ม เพิ่มความมั่นใจ ให้ผู้ที่ได้รับการรักษา มีเสียงพูดที่เหมาะสม เป็นไปอย่างที่ต้องการอีกด้วย
การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงโดยมากมักแบ่งออกเป็น 2 กรณี
1. ผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิง (Feminization laryngoplasty)
มีเทคนิคการผ่าตัด 3 รูปแบบใหญ่ๆ
- ผ่าตัดแบบเปิด โดยมีรอยแผลขนาดเล็กที่คอ เพื่อปรับโครงสร้างกล่องเสียงภายนอกให้เส้นเสียงตึงตัวขึ้น (Cricothyroid approximation; CTA)
- การผ่าตัดโดยการส่องกล้องด้วยการเย็บเส้นเสียงด้านหน้า (Anterior glottis web formation)
- การใช้เลเซอร์เพื่อลดขนาดเส้นเสียง และสร้างความตึงทางด้านข้าง (Laser reduction glottoplasty)
2. ผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเสียงจากหญิงเป็นชาย (Masculinization laryngoplasty)
โดยทั่วไปการเปลี่ยนเสียงจากหญิงเป็นชาย จะนิยมใช้วิธีการปรับฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเส้นเสียง ทำให้เสียงมีความทุ้มต่ำลงในระดับหนึ่งอยู่แล้ว การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจึงไม่ได้รับความนิยมมากเท่าการเปลี่ยนเสียงจากผู้ชายเป็นผู้หญิง โดยการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงเป็นผู้ชายนั้นจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิด เพื่อปรับโครงสร้างของกล่องเสียงทางด้านนอกเป็นหลัก
การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงทั้ง 2 ประเภท มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน หากเป็นการผ่าตัดแบบเปิด ข้อเสียคือจะมีแผลที่คอด้านหน้า อาจเกิดเป็นแผลเป็นนูนในอนาคตได้ ส่วนการผ่าตัดแบบการส่องกล้อง ข้อดีคือไม่มีแผลภายนอก แต่จะก่อให้เกิดแผลเป็นบริเวณเส้นเสียงได้ เป็นต้น
เตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกล่องเสียง สาขาวิชาโสต ศอ นาสิก
มีการซักประวัติ พฤติกรรมการใช้เสียง เป้าหมายของเสียงที่ต้องการ
- การตรวจร่างกายโดยการส่องกล้องดูโครงสร้างกล่องเสียง เส้นเสียง และการทำงานของเส้นเสียงโดยรวม เพื่อหาความผิดปกติเบื้องต้นที่อาจพบได้ และเป็นสาเหตุของเสียงผิดปกติที่เกิดขึ้น
- มีการประเมินคุณภาพเสียงโดยนักแก้ไขการพูด รวมทั้งตอบแบบสอบถามเรื่องเสียงด้วย
-
ก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง ผู้รับบริการควรงดรับประทานยา อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงใดๆ ก็ตามที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด
เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin), น้ำมันปลา (Fish oil) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เว้นแต่กรณีมีความจำเป็น
- โดยแพทย์เจ้าของไข้สาขานั้นๆ จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องยาในรายละเอียดอีกครั้ง
-
การดูแลสุขภาพของเส้นเสียงโดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เส้นเสียงแห้ง
เช่น สุรา กาเฟอีน หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของเส้นเสียง เช่น ควันบุหรี่
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นเสียง เช่น การใช้เสียงมากเกินปกติ การตะโกน ฯลฯ
ในกรณีที่พบปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเสียงที่ผิดปกติ หรือปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการผ่าตัด จะมีการอธิบายและร่วมวางแผนการรักษาเบื้องต้นกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่นร่วมด้วย
อายุเท่าไรที่จะเหมาะสมในการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
ควรเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คืออายุอย่างน้อย 18 ปีขึ้นไป สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง รับทราบความเสี่ยงและผลของการผ่าตัดทั้งระยะสั้นและระยะยาว และเนื่องจากการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงนั้น อาจทำให้เกิดแผลเป็นที่เส้นเสียง ทำให้เสียงเปลี่ยนถาวร อาจไม่สามารถกลับมาเป็นเสียงปกติเดิมเหมือนก่อนผ่าตัดได้ ดังนั้นผู้รับบริการจึงควรเป็นผู้ที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศมาแล้วโดยสำเร็จ
ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
เป็นการผ่าตัดโดยการดมยาสลบ เพื่อระงับความรู้สึก วิสัญญีแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และดูแลตลอดการผ่าตัด
- การผ่าตัดส่องกล้อง จะใส่อุปกรณ์ผ่านทางช่องปาก และผ่าตัดผ่านกล้องกำลังขยายสูง ด้วยเครื่องมือผ่าตัดเฉพาะทางกล่องเสียง มีการตัดเยื่อบุเส้นเสียงและเย็บเส้นเสียงบริเวณด้านหน้าเข้าหากัน หรือใช้เลเซอร์เพื่อลดขนาดของเส้นเสียง และเพิ่มความตึงของเส้นเสียงทางด้านข้าง
- การผ่าตัดเปิด จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกอ่อนของกล่องเสียง รายละเอียดวิธีผ่าตัดแตกต่างกันไป ขึ้นกับว่าเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิง หรือหญิงเป็นชาย แผลผ่าตัดภายนอกที่เกิดขึ้นจะอยู่บริเวณคอด้านหน้า ขนาดความยาว 3-5 ซม. จะมีการเย็บกระดูกอ่อนกล่องเสียงเข้าหากันเพื่อปรับเสียงให้สูงมากขึ้น หรือดันตำแหน่งของกระดูกอ่อนกล่องเสียงบางส่วนเข้าด้านในเพื่อทำให้เสียงทุ้มต่ำลง เป็นต้น
- หลังจากนั้นเย็บปิดแผลผ่าตัดบริเวณคอและปิดแผล เมื่อผู้รับบริการตื่นรู้ตัว วิสัญญีแพทย์ทำการถอดท่อช่วยหายใจ เป็นการสิ้นสุดการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
การดูแลหลังการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
ภายหลังการผ่าตัด ผู้รับบริการกลับมานอนพักฟื้นที่ห้องพัก สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ แพทย์จะให้ยาระงับปวด เพื่อบรรเทาอาการปวด โดยทั่วไปจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคอ หรือ ไหล่ จากการนอนแหงนคอระหว่างผ่าตัดได้ และอาจปวดบริเวณแผลผ่าตัดในกรณีที่มีแผลภายนอก อาจมีการระคายเคือง หรือเจ็บในคอจากท่อช่วยหายใจ แพทย์จะสังเกตอาการทางระบบหายใจ หลังการผ่าตัดภายใน 24 ชม. หากไม่พบภาวะแทรกซ้อน ก็สามารถกลับบ้านได้
การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงอาจมีกระบวนการรักษาซับซ้อน ที่ผู้เข้ารับบริการควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญ ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านกล่องเสียง ในการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การเลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสม และการดูแลฟื้นฟูเสียงกับนักอรรถบำบัดอย่างเป็นระบบ เพื่อผลลัพธ์เสียงที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ
ขอบคุณข้อมูล : นพ. ภูริช ประณีตวตกุล โสต ศอ นาสิกแพทย์ อนุสาขาความเชี่ยวชาญโรคกล่องเสียง และความผิดปกติของสายเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 2
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แก้ไขเสียง เพิ่มความมั่นใจ ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนเสียง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath