เลือกนายก อบจ.ปทุมธานี ประชาชนไม่โดนใจ "ทักษิณ" รับบทตัวกันคะแนนไหลออก
เลือกนายก อบจ.ปทุมธานี ประชาชนไม่โดนใจ "ทักษิณ" รับบทตัวกันคะแนนไหลออก
หลังการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี หลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลหรือเชื่อมโยงไปยังการเมืองมหภาคอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงกรณีของพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้ส่งตัวแทนลงสมัคร และใกล้เข้าสู่กระบวนการการยุบพรรคในอีกไม่ช้า
นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ และ นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย ร่วมพูดคุยกับ PPTV ในรายการเข้มข่าวเย็น ช่วงคุยข้ามช๊อต Exclusive Talk เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย พร้อมวิเคราะห์ในกรณีดังกล่าว
“บิ๊กแจ๊ส”เปิดใจ! ลั่นทำดีที่สุดแล้วหลังแพ้ศึก นายก อบจ.ปทุมฯ
"ลุงชาญ" เปิดใจหลังชนะศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ปทุมธานี
“บิ๊กแจ๊ส” ปัดแตกหักทักษิณ แจงดราม่าปิดตำนาน “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
"ทักษิณ" กันคะแนนไหลออก เลือกนายก อบจ.ปทุมธานี ประชาชนไม่โดนใจ
นายศิโรตม์ มองว่า การเมืองแบบบ้านใหญ่จะกลับมาแน่ เนื่องจากฝ่ายนายทักษิณ และฝ่ายทีมงานของนายทักษิณ ประกาศเองว่า ชัยชนะของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี มาจากการผนึกกำลังกันของ 8 บ้านใหญ่ปทุมธานี เช่น บ้านใหญ่คลองหลวง บ้านใหญ่สามโคก ผนึกกำลังกัน
เชื่อว่าการสนธิกำลังกันของทั้ง 8 บ้านใหญ่ เป็นผลจากการที่นายทักษิณไปปรากฏตัว เพราะนายทักษิณ คือนายใหญ่ของฝั่งนายชาญอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าที่นายทักษิณไปปรากฏตัวไม่ใช่เพราะต้องการเรียกคนเสื้อแดง แต่ไปเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มคนบ้านใหญ่ต้องไปหาคะแนนกลับมาให้ได้ เนื่องจากสูตรดังกล่าวเป็นวิธีในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ลักษณะคือ ให้บ้านใหญ่ในแต่ละท้องที่แต่ละตำบล แต่ละอำเภอ ระดมคน เป็นการบริหารเสียงคล้าย ๆ กับลูกข่าย เช็กยอดไปเรื่อย ๆ
นายศิโรตม์ กล่าวว่า กรณีที่บ้านใหญ่ดูไม่อ่อนพลังลง เป็นเพราะหนึ่ง คือพรรคก้าวไกลไม่ส่งตัวแทน สองคือคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่เยอะ รอบนี้มีคนที่แข่งกันหลัก ๆ คือ นายชาญ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ บิ๊กแจ๊ส สองคนมีคะแนนรวมกันแค่ 4 แสน ขณะที่การเลือกตั้ง สส. ในคราวก่อนมีการใช้สิทธิกว่า 8-9 แสน เพราะฉะนั้นในการเลือกนายก อบจ. ครั้งนี้ถือว่าคนหายไปกว่าครึ่ง
อีกมุมหนึ่งคือ ประชาชนมองว่าผู้สมัครทั้งสองคนไม่โดนใจ คนหนึ่งเป็นนายก อบจ.หลายสมัย แต่คนปทุมธานีบ่นว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกคนหนึ่งลาออกจากตำแหน่ง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ หากมองในมุมคนรุ่นใหม่ เห็นแล้วเสียดายบัตรประชาชน ไม่อยากไปกาคะแนนให้
เพราะฉะนั้น ตนไม่อยากใช้คำว่าเป็นชัยชนะของบ้านใหญ่ เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่บ้านใหญ่แข่งกับบ้านใหญ่ด้วยกันเอง โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่เฝ้ามอง ตนมองว่าไม่ใช่ชัยชนะของนายทักษิณ เพราะหากมองคะแนนของนายชาญ จะอยู่ที่ประมาณ 1.9 แสนเศษ ๆ เท่ากับที่พรรคเพื่อไทยได้เมื่อการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 โดยในปีนั้น พรรคก้าวไกล ได้อันดับ 1 สส.จังหวัดปทุมธานีได้คะแนน 2.7 แสนกว่า ได้ สส. 5 จาก 6 เขต ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ สส. 1 คน แต่คะแนนได้ทุกเขตรวมกัน 2 แสน
เพราะฉะนั้นฐานคะแนนที่นายชาญได้ เท่ากับฐานคะแนนเดิมของพรรคเพื่อไทย และลดลงประมาณ 1 หมื่นด้วย ดังนั้น การมีนายทักษิณหรือไม่มี ไม่ได้ช่วยเรียกคะแนนเสียงเพิ่ม
คิดว่าบทบาทของนายทักษิณ ไม่ได้ช่วยเรียกคะแนนเสียงเพิ่ม แต่เป็นคนที่ไม่ทำให้คะแนนไหลออก และเป็นคนที่ทำให้ลูกน้องเก่า ๆ ไม่เปลี่ยนใจไม่ปันใจ เพราะฉะนั้นจะไปปั่นว่านายทักษิณทำให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่ คะแนนมันฟ้อง
"ทักษิณ" สิ้นมนต์ขลัง คนปทุมฯ ไม่ได้ให้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์
นายคมสัน มองว่า นายทักษิณไม่ถึงขนาดมีมนต์ขลังเหมือนสมัยก่อน เพราะคะแนนน้อยลงกว่าเดิม เมื่อเทียบระหว่างการเลือกตั้งระดับจังหวัดหรือระดับชาติ จังหวัดปทุมธานีเป็นเขตของคนเสื้อแดง ทุกเขตแทบจะเป็นของพรรคเพื่อไทยหมดเลย ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะมาตี เพราะฉะนั้นส่วนที่เหลือก็เป็นส่วนของบ้านใหญ่
ตนมองว่าบ้านใหญ่ยังผนึกกำลังกันไม่แน่น เนื่องจากหากผนึกกำลังแน่น น่าจะได้คะแนนเยอะกว่านี้ คิดว่ามีหลายส่วนที่แตก ไม่สามัคคีกันเท่าไหร่ คะแนนจึงออกมาในลักษณะก้ำกึ่ง ตนมองว่าคะแนนที่ได้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากการเลือกตั้งท้องถิ่น คนจะให้ความสนใจน้อยกว่าการเลือกตั้งในระดับชาติเยอะ คนที่มาเลือกจะเป็นคนในพื้นที่ แต่คนที่มีชื่ออยู่ แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ มักจะไม่กลับมา
นายคมสัน กล่าวต่อว่า จริง ๆ นายทักษิณมนต์เสื่อมลง เพราะคะแนนลดลง และหากว่ากันแล้ว คนในพื้นที่ไม่ได้ให้คะแนนกับนายทักษิณร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคะแนนของ บิ๊กแจ๊ส ก็เยอะห่างกันแค่ 800 กว่าคะแนน และหากรวมคะแนนผู้สมัครอีกสองราย ก็มีฐานคะแนนมากกว่าฝั่งนายทักษิณ
ตั้งข้อสังเกต "ลุงชาญใจดี" ชนะเลือกตั้ง แต่ทำหน้าที่ไม่ได้?
นายคมสัน กล่าวว่า กรณีของนายชาญนั้น โดนชี้มูลโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการทุจริตเรื่องถุงยังชีพ ชี้มูลไปแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา
ซึ่งทางกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นก็ตอบข้อสงสัยดังกล่าวว่า ถ้าหากได้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี แล้วสามารถทำงานได้อย่างไร ไม่ขาดคุณสมบัติหรือ
ซึ่งความเห็นของทางกฤษฎีกามีการวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ว่า ถ้าถูกชี้มูลและอยู่ในการดำเนินคดีของศาล ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แม้จะได้รับการเลือกให้กลับมาปฏิบัติงานก็ตาม
เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งนี้ก็มีประเด็นทางกฎหมายว่า ตกลงแล้วเลือกตั้งไปเพื่ออะไร เพราะเลือกแล้วก็ทำหน้าที่ไม่ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอให้คนไปร้องเรียน ปัญหาคือ ตอนนี้คนเก่าไม่มีตัวแล้ว คนใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ ก็คงต้องกลับไปที่ปลัด อบจ.ปทุมธานี
เลือกนายก อบจ.ปทุมธานี อาจเปลี่ยนแปลงไป หาก "ก้าวไกล" ร่วมวง
นายศิโรตม์ มองว่า หากพรรคก้าวไกลลงสมัครด้วย เชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน และผลการเลือกตั้งอาจไม่ออกมาเป็นเช่นนี้ก็ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นใน จ.ปทุมธานี อาจคล้ายกับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เป็นการแข่งขันระหว่าง นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ที่สนับสนุนโดยพรรคเพื่อไทย และอีกฝั่งหนึ่งที่นายจตุพรไปช่วยหาเสียง
ผลปรากฏว่า สว.ก๊อง ชนะ หลังจากนั้นคนเชื่อว่า จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยกวาดคะแนนการเลือกตั้ง สส. แน่นอน แต่ปรากฏว่าโดนพรรคก้าวไกลกวาดไป สส.เชียงใหม่ เป็นของพรรคก้าวไกล 7 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทย 1 ที่นั่ง
เพราะฉะนั้นตนมองว่า จ.ปทุมธานีมีลักษณะคล้ายกัน คือพรรคเพื่อไทยอาจชนะระดับนายก อบจ. ก็จริง แต่ฐานคะแนนไม่เยอะ การเลือกตั้งนายก อบจ. ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต
หากไปถึงการเลือกตั้ง สส. อาจเป็นคนละสมการกัน เพราะมีการเลือกตั้งล่วงหน้า มีการเลือกตั้งนอกเขต ตนเชื่อว่ามีคะแนนที่หายไปกว่า 3-4 แสน เลือกพรรคก้าวไกล และเพราะไม่ใช่เป้าหมายของคนรุ่นใหม่ด้วย