ต้อม เปิดหน้าสู้ กรามพิการ-ผิดรูป เสี่ยงมะเร็ง ถูกงานยกเลิก ลงดาบฟ้อง 50 ล้าน
ต้อม รชนีกร เปิดหน้าตั้งโต๊ะครั้งแรก หลังทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลชื่อดัง จนกระทั่งมีเป็นประเด็นที่ทำสังคมให้ความสนใจอย่างมาก ตลอดระยะเวลามายาวนานหลายเดือน เรื่องราวตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงปัจจุบัน
ต้อม เปิดหน้าสู้
โดย ต้อม ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการหนึ่ง ว่าตัดสินใจทำศัลยกรรมในวัย 52 ปี แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้เสียใจ หลังโรงพยาบาลได้มีการเผยแพร่ภาพของตนขณะอยู่ในห้องผ่าตัด ยังใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งผลให้ตนไม่พอใจ อีกทั้งภาพดังกล่าวตนยังไม่ได้อนุญาตให้เผยแพร่ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง เพราะรูปภาพทุกอย่างต้องได้รับอนุญาตจากตนก่อนทุกครั้ง
ต่อมา ปิ่น พิศพรรณ ศรีไชยยันต์ เจ้าของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ ตั้งโต๊ะขอชี้แจงบ้างกับกรณีดังกล่าว พร้อมงัดหลักฐานคู่สัญญายืนยันว่าเป็นการจ้างรีวิวให้กับโรงพยาบาลฯ และสามารถนำรูปมาใช้ได้
อ่านข่าวอื่นเพิ่ม https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_8109510
ล่าสุดวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ต้อม รชนีกร ได้ออกมายืนยันว่าดำเนินการฟ้อง ผู้บริหารโรงพยาบาลฯ และหมอที่ทำการผ่าตัด เป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท
ต้อม เปิดหน้าสู้
ต้อม เผยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยแถลงข่าวอะไรเลย ไม่เคยออกมาพูดในพื้นที่ของตัวเอง มีแต่สัมภาษณ์ตามงานต่างๆ แล้วไปตัดเป็นหัวข้อ เป็นคลิปไวรัล เป็นกระแสวุ่นวายไปหมด
ต้องขออนุญาตว่าอาจจะเป็นการนิสัยไม่ดีนิดหนึ่งที่มีการบันทึกเสียงไว้ เพราะว่ามีเรื่องตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลมันไม่ตรงกันสักที พูดทีทำทีๆ อยู่แต่อย่างนี้ ถ้าเราไม่ได้อัดไว้คนจะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร และบางทีตัวเขาก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรไว้ วันนี้เลยขออนุญาตบันทึกคลิปและเอาไปลงในเพจ ส่งกำลังใจให้ ต้อมรชนีกร นะคะ และถ้ามีอะไรผิดแปลกไปอีกจะขออนุญาตทำตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันไว้ แต่เขาไม่ได้ทำตามที่ตกลงกัน และเขาละเมิดเราตั้งแต่เขาเอาภาพเราไปลง ขอเรียงไทม์ไลน์แบบนี้ ทางโรงพยาบาลบอกว่าเรื่องการส่งข่าว จะรอให้สวยเสียก่อน ค่อยทำให้เป็นกระแสข่าว ซึ่งที่ยอมให้ถ่ายคลิปในวันเกิด ทำให้ตอนนั้นมีกระแสว่าหน้าเหมือน แอนนา ทีวีพูล
และเขามีการพูดว่า ต้อมใช้ชีวิตลำบากมาก ไม่อย่างนั้นจะให้มาผ่าหน้าเหรอ ต้องมีการติดสติ๊กเกอร์พยุงเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเขาจะใช้ชีวิตลำบาก เราเลยรู้สึกว่าถ้าปล่อยพูดจะเยอะแยะมากมาย และภาพที่คุณทำ หยุดไปตั้งแต่เริ่มแรก ที่เราคุยกันตามสัญญาว่าต้องคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายออกไป
แต่มีคลิปเขาเอาเค้กมาเบิร์ธเดย์ฉลองวันเกิด เราก็ยอมให้ถ่ายเพราะคิดว่าเขาคงเอาคลิปไปใช้รวมตอนที่สวยแล้วและไปใช้พร้อมๆ กัน แต่ไม่ หลังวันเกิดเขาเอาไปลงเลยซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง
หลังจากนั้น ก็ไปออกรายการคุยแซ่บโชว์ ตอนนั้นเราก็ไม่เคยว่าเขาเลย เขาบอกว่าเราทำให้เขาเสียหาย โรงพยาบาลเสียหาย แต่เราบอกในรายการว่า “เราตัดสินใจทำ ในสัญญาบอกว่า ตัดกรามและดึงหน้าเลย พอออกมาเรียบร้อยแล้ว การพูดอะไรยังไม่โอเค ตอนนั้นมีติดถ่ายละครอยู่ ถามว่าเรามั่นใจไหม เรามั่นใจ คุณหมอเก่ง แต่ทุกอย่างต้องรอเวลา” แล้วเขาก็ไปออกคลิปว่า เราพูดทำให้เขาเสียหาย ไม่แน่ใจว่าเสียหายตรงไหน และเขายังบอกอีกว่า เราไปทำศัลยกรรมที่อื่นมาแล้วมาให้เขาแก้ไขให้ เขาเบี่ยงเบนทุกอย่างเลย
หลังไปออกรายการ เขามีปัญหากับเรา เขาต้องเคลียร์คุยปัญหากับเราถูกไหม ไม่คุย แต่โทรไปหาแฟน ว่าพี่ไม่รู้เลยว่าน้องต้อมมีงาน เป็นงานสกินแคร์ จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ได้นะ พี่มีการแต่งภาพ ฝ้า กระ ก็มา แบบนี้หนูเสีย เขามาบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าน้องต้อมมีงานสกินแคร์ จนสุดท้ายก็ทำให้เสียงานสินค้าด้านสกินแคร์ที่รับไว้ไป
มันไม่ใช่แค่เจรจาไม่ลงตัว การเจรจาไม่ลงตัวมันเริ่มตอนแรกมากกว่า พออยู่มาสักพักเราจึงรู้ว่าเกิดความพิการด้วย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 จนถึงปัจจุบันนี้ เราไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยออกอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยลงแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ความพิการเกิดขึ้น มีความบกพร่อมเกิดขึ้น ความเสียหายเกิดขึ้น แล้วเขาบอกกับทุกคนว่าไม่เห็นเขาเป็นอะไร ความสวยก็ประจักษ์อยู่แล้วหนิคะ แล้วถ้าไม่สวย ทุกคนต้องเข้าใจว่าเรามีงาน เราต้องออกงาน เราต้องออกไปหน้าสดๆ หน้าพิการให้ทุกคนเห็นเหรอ เรายังต้องทำธุรกิจอยู่ พูดลอยๆ แบบนี้ไม่ได้”
ต้อม เปิดหน้าสู้
ที่ปรึกษากฎหมาย “สัญญาข้อ 16 เขียนไว้ว่าสามารถนำรูปภาพมาใช้สำหรับขึ้นบิลบอร์ดตลอดระยะเวลาสัญญา ก็คือ 2 ปี ซึ่งทีนี้เขามีการตกลงสัญญากันชัดเจนว่าก่อนจะเอารูปอะไรของพี่ต้อมไปลงจะต้องมีการขอก่อน ปรึกษาก่อนว่าลงได้ไหม ไม่ใช่ว่าจะเอาอะไรไปรีวิวก็ได้นะคะ”
ต้อมกล่าวต่อว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขึ้นบิลบอร์ด การทำงานของคนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ รีวิวต้องทำให้อยู่แล้ว ไลฟ์สด ออกอีเวนต์ ตามรายการทอล์กโชว์ที่เขาไปซื้อรายการไว้ เราต้องไปให้เขา นั่นคือสัญญา แต่พอออกมาพูดแค่รีวิว ทำให้ประชาชนเข้าใจตามที่เขาโพสต์ไปเข้าใจว่า เรารับจ้างรีวิว ถามว่าสัญญาต้องฉีกไหม มันก็คงต้องฉีก เพราะเขาละเมิดเราตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ก็รอว่าเมื่อไหร่เขาจะมาคุยกับเรา ไม่คุยอะไรเลย
และปกติวันที่ 4 มกราคม 2567 เราต้องไปเช็กอัพกับคุณหมอ ณ ตอนนั้นการคุยกันยังไม่ลงตัว กับการที่คุณเอาภาพเราไปลง โดยไม่ได้ขอตามที่ตกลง เราจึงได้มีจดหมายถึงเขาฉบับหนึ่ง แล้วเขาก็ไปออกข่าวว่าจดหมายบรรเทา “พี่ปิ่นไม่ทราบเลยค่ะว่าบรรเทาเรื่องอะไร” การบรรเทาเราเขียนไปในหัวเรื่องเลยว่า บรรเทาเรื่องรูป รูปการตบแต่งที่มันบิดเบือนจากความเป็นจริง เลยรู้สึกว่าพี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะคุยกับเราจริงๆ ถ้ามีการได้คุยกัน ก็อาจจะได้ทำงานกันต่อตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว แต่ว่าไม่ได้คุยเลย มีโทรมาคุยกับแฟนแค่ครั้งเดียว วันที่ 21 ธันวาคม 2566 จริงๆ ไกล่เกลี่ยกันได้ แค่เอารูปออกหรือเปลี่ยน แต่คุณไม่คิดจะเจรจา
ต้อม เปิดหน้าสู้
ถามว่าฟ้องอะไรบ้าง ที่ปรึกษากฎหมายแจงว่า “อย่างแรกคือความผิดพลาดจากการศัลยกรรม ฟ้องเป็นคดีละเมิด แผนกคดีผู้บริโภคจำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้านบาท ในดีเทลจะฟ้องโรงพยาบาลและคุณหมอที่ทำการผ่าตัด ให้รับผิดชอบในส่วนที่เกิดขึ้น และที่จะตามไปคือในส่วนของรูป ที่พี่ต้อมอยู่ในห้องผ่าตัด อันนี้ไม่ได้ จะอ้างว่าเป็นสัญญารีวิวไม่ได้ ต้องบอกว่า พรบ.สถานพยาบาล จะนำรูปไปโฆษณาหรือกำไรให้กับตนเอง ตรงนี้ต้องขอ สบส และต้องเป็นไปตามมาตรฐาน อยากทราบว่าโรงพยาบาลได้ทำตามขั้นตอนแล้วหรือยัง”
คู่กรณีบอกว่า เงิน 50 ล้านมีจ่าย แต่ถ้าฟ้องกลับจะมีเงินจ่ายเขาไหม ตรงนี้ทราบข่าวไหม? ต้อม รชนีกร กล่าวว่า “ทราบข่าวแล้ว ไม่รู้จะพูดยังไง พี่อาจจะไม่มีเงินแต่พี่มีเกียรติ พี่มีศักดิ์ศรี พี่มีความจริง ที่พูดกี่ครั้งก็ไม่ตาย และพูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ความจริงที่คุณกระทำให้เกิดปัญหากับชีวิต ถ้าตอนนั้นทุกอย่างมันหยุด แล้วมาเจรจากันด้วยดีมันก็คงไม่มีวันนี้
และหลายๆ คลิปที่คุณพูดจริงแค่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนเข้าใจผิด ถามว่าพี่เสียไหม พี่มีความจริง เงินซื้อเราไม่ได้ คนมีเงินเท่านั้นหรือที่จะชนะ ทุกวันนี้ยังไม่เห็นดีขึ้น เห็นมีแต่ไปออกรายการ ตั้งคลิปนู่นนี่นั่น เหมือนเด็กทะเลาะกัน ทุกครั้งที่ไปออกรายการจะเบี่ยงเบนเป็นประเด็นเรื่องเงิน พี่ไม่ได้รวยเท่าเขา แต่พี่ไม่ลำบาก แต่เขาตีค่าให้พี่ดูต่ำขนาดนั้น คิดว่าหลังจากนี้ไปคงไม่น่าจะยอมได้แล้ว เจอกันที่ศาล วันที่ 19 สิงหาคน 2567 ที่ศาลนนทบุรี”
ภาพประกอบข่าว
ตั้งแต่ภาพนั้นออกมา ได้รับผลกระทบอย่างหนัก? “อย่างที่รู้กัน พี่เห็นรูปที่นอนหน้าตึงๆ ทางโรงวพยาบาลมาขอว่าอันนี้ไม่ขอเอาออกนะ คนกำลังชอบ คนกำลังตาม อันนี้เขามาขอจริงค่ะ แต่มีอีกภาพหนึ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้น ที่รับไม่ได้คือภาพต่อท่ออ๊อกซิเจน แบบนี้รับไม่ได้ (สะอื้น)”
“หลังผ่าตัดหน้าพิการผิดรูป ต้องทำผมปิดตลอด กรามพัง เคี้ยวอาหารแรงๆ ไม่ได้ตลอดชีวิต หากกระทบกระเทือนนิดเดียวมีสิทธิ์กรามหัก และหมอท่านหนึ่งบอกว่า ฟันกรามซี่หนึ่งล้มอยู่อย่างนั้นก็เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ หรือถุงน้ำตามมา มีการเจ็บป่วยแผลทางด้านร่างกายที่ทุกคนไม่ได้เห็น ทำแล้วฟันเราล้ม หาหมอมันอันตรายนะ คุณมีฟันกราม ฟันคุดอยู่ข้างในนอนอยู่ ทำไมไม่ให้ถอนฟันคุดซี่นั้นออก ในอนาคตอาจเกิดมะเร็งได้
กรามที่ตัดออกไป มันเหลืออยู่น้อยอยู่ในจุดที่เป็นอันตราย ถ้าหากเข้าฉากตบตีแล้วเกิดพลาดโดน มีโอกาสกรามหัก ถ้าอนาคตข้างหน้าฟันซี่นี้เป็นมะเร็งต้องเอาออก ถ้าได้หมอไม่เก่งกรามร้าวหรือแตกได้ นี่คือหมอบอกมา
ตอนนี้ข้าวเหนียวกินไม่ได้ หรือกินกระดูกอ่อน แทะเอ็นยังกินไม่ได้ เขาไปพูดสนุกปาก เห็นความเจ็บป่วยของคนสนุกอย่างไร คนธรรมดากินข้าวกัดโดนกรวดยังเจ็บขนาดไหน แต่สำหรับต้อมมันสามารถหักได้เลย ไปปรึกษาคุณหมอ การเคี้ยวข้าวจะไม่กลับมาเป็นปกติตลอดชีวิต
ถามว่ามีผลต่อไปในอนาคตเรื่องงานแสดงไหม คือความพิการของหน้า ส่งผลคือทำงานไม่ได้ ถ้าถ่ายรูปปกติสามารถปกปิดได้ แต่ละครจอใหญ่แล้วถ่ายหน้าด้านข้างเราจะไม่สมมาตร คือมันพิการ หน้าผิดรูปไม่สมประกอบ ออกรายการต้องทำผมปิดไว้ เราเป็นนางรำก็รวบผมไม่ได้ ถ้ารำต้องทำผมมาปิด ละครจะทำผมทรงนี้ตลอดไม่ไดั ละครเลือกตัวแสดงไม่ได้ แล้วเราจะบอกใครว่าพิการได้เหรอ สวยด้านหน้า แต่ด้านข้างความโค้งพิการ หมอเชี่ยวชาญด้านกราม กระโหลก ก็บอกต้องดูว่าจะเสริมกรามเพิ่มได้ไหม แต่จะเป็นปกติไหมไม่แน่ใจ คือความพิการได้เกิดขึ้นแล้ว”
ที่ปรึกษากฎหมาย “ภาพที่ใส่ท่อช่วยหายใจผิดกฎหมายหลายบทเลย รูปแบบนี้เอามาเป็นสัญญาจ้างรีวิวไม่ได้ ภาพรีวิเป็น ก่อน-หลัง ได้ ก่อนทำเป็นยังไง หลังทำสวยขึ้นอย่างไร แต่อันนี้ผิด pdpa ผิดกฎหมายอาญา ผิดกฎหมายแพ่ง ผิดพรบ.สถานพยาบาล ผิดพรบ.สุขภาพแห่งชาติ และละเมิดสิทธิผู้ป่วย”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ต้อม เปิดหน้าสู้ กรามพิการ-ผิดรูป เสี่ยงมะเร็ง ถูกงานยกเลิก ลงดาบฟ้อง 50 ล้าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th