เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2567 กระทรวงแรงงานได้เปิดเผยถึงสินเชื่อสำหรับผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้าง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ ภายใต้โครงการ “เงินกู้กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน Micro Finance ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุขแรงงาน” ซึ่งมีวงเงินกู้ถึง 80 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2567
โดยกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานนี้เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนารายได้ การออมทรัพย์ และปลดเปลื้องหนี้สินของผู้ใช้แรงงานผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ สำหรับสหกรณ์หรือเครดิตยูเนี่ยนที่ต้องการกู้เงินสามารถยื่นขอกู้ผ่านระบบ e-Service ของกองทุนฯ
คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ
คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อในโครงการ “เงินกู้กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน Micro Finance ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุขแรงงาน” คือต้องเป็นผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้าง ที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ หรือเครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการ หรือรัฐวิสาหกิจ สามารถติดต่อเพื่อยื่นเรื่องขอกู้ผ่านติดต่อที่สหกรณ์ออมทรัพย์ หรือเครดิตยูเนี่ยนที่ตนเป็นสมาชิกอยู่
อัตราดอกเบี้ย และการผ่อนชำระ
- เงินกู้ระยะสั้นกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี กำหนดชำระคืนไม่เกิน 1 ปี
- เงินกู้ระยะยาวกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี กำหนดชำระคืน 1 – 5 ปี
- เงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี
- เงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ อัตราดอกเบี้ย 0.5 – 1.5% ต่อปี แต่สำหรับสหกรณ์ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนคิดดอกเบี้ยพิเศษ 0% ในช่วง 3 เดือนแรก
โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีความประสงค์จะกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ส่วนกลางสามารถยื่นคำขอได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชั้น 3 และส่วนภูมิภาคยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสามารถยื่นกู้ผ่านระบบ e-service ได้ที่ กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน
ทั้งนี้ Micro Finance หมายถึง โดยทั่วไปหมายถึง บริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก เงินกู้ ประกันภัย หรือการโอนเงิน ที่มีมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนรายย่อยๆ ซึ่งธนาคารพาณิชย์จำนวนมากในหลายประเทศประสบผลสำเร็จในการประกอบธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ที่เกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจ รวมทั้งขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ครอบคลุมกลุ่มที่มีศักยภาพ
เพียงแต่เดิมคนกลุ่มนี้ไม่มีหลักประกัน หรือหลักฐานที่แสดงฐานะการเงินที่ตรงกับวิธีการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เดิม โดยในประเทศไทย แม่ค้าขายของซึ่งไม่มีบ้าน หรือที่ดินเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน แต่มีแผงขายของในทำเลดีๆ ก็ถือว่ามีมูลค่า และเป็นเครื่องมือทำมาหากิน อาจถือว่าเป็นหลักฐานของฐานะการเงินที่ดีเพื่อการกู้ยืมเงินได้
News Related-
สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน
-
สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก
-
ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4
-
อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา
-
'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ
-
TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น
-
“นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน
-
มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน
-
น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)
-
เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล
-
กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา
-
SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร
-
สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด