‘ไพบูลย์’ กระทุ้งรัฐ เรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ดันหุ้นไทยแตะ 1,500จุด

‘ไพบูลย์’ กระทุ้งรัฐ เรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ดันหุ้นไทยแตะ 1,500จุด

‘ไพบูลย์’ กระทุ้งรัฐ เรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ดันหุ้นไทยแตะ 1,500จุด

Key Points

  • ต่างชาติขายหุ้นไทย 2 แสนล้าน ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น 
  • STARK, naked short ,คลังปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทย กระทบเซ็นติเม้นต์การลงทุน
  • คาดเศรษฐกิจไทยโตเกิน 3% ปีนี้ จากการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นบวก
  • ห่วงนักลงทุนผิดหวัง จากภาครัฐไม่มีแผนสอง หากดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผ่าน กระทุ้งรัฐเตรียมแผนสำรอง เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง 
  • คาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวนด์ต่อเนื่อง ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า หนุนหุ้นไทยแตะ 1,500 จุด
  • เร่งภาครัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนเศรษฐกิจไทยโตเกินศักยภาพอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่ต้นปี จนมาถึงปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจไทย ยังไม่มีภาพที่ดีนัก ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังประกาศการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 เหลือเพียง 1.8% และปีนี้เติบโตได้เพียง 2.8% ยิ่งตอกย้ำเศรษฐกิจไทยขาลงอย่างชัดเจนมากขึ้น

ส่งผ่านมาถึงตลาดหุ้นไทย ที่เผชิญแรงขายอยากหนักจากต่างชาติ ติดต่อกันนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกว่า 2 แสนล้านบาท สะท้อนการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจไทย และตลาดเงินตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดรายการ Deep Talk ได้สัมภาษณ์ “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ที่มาฉายภาพตลาดทุนไทย ภายใต้หัวข้อ “วิกฤติเชื่อมั่นหุ้นไทย!”ว่าขณะนี้น่าห่วงหรือไม่? “ไพบูลย์” ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทย ที่ปัจจุบันปรับลดลงต่อเนื่อง แรงขายต่างชาติยังมีให้เห็นต่อเนื่อง เหล่านี้ มาจากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งจากกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่มีการตกแต่งบัญชี รวมถึงข่าวลือในตลาดหุ้นว่ามีการทำ naked short (การขายหุ้นโดยที่นักลงทุนไม่ได้ถือหุ้นจริง)แม้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ออกมาระบุแล้วว่า ไม่มีการเกิดขึ้นของกรณีนี้ รวมถึง เรื่องโปรแกรมเทรดดิ้งอัตโนมัติ  (Program Trading) ที่ถูกมองว่าเอาเปรียบนักลงทุน

นอกจากนี้ ประเด็นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ยังมาจาก ภาพรวมเศรษฐกิจไทย หลังมีการคาดการณ์ของกระทรวงการคลังว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 อาจเติบโตได้เพียง 1.8% และปีนี้อาจเหลือไม่ถึง 3% เหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่ผิดคาดสำหรับนักลงทุน เพราะนักลงทุนคาดหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจไทยปีนี้ กลับไปฟื้นตัวกว่า 3% ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ประกอบกับ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังไม่เกิดขึ้น และต้องรอให้ผ่านกฎหมาย และความเห็นชอบจากรัฐสภาฯ ดังนั้นความไม่แน่นอนยังมีอยู่สูง และรัฐบาลยังไม่มีแผนสองรองรับ หากโครงการนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

เช่นเดียวกับ โครงการลงทุนขนาดใหญ่แลนด์บริดจ์ ที่ภาครัฐพยายามทำให้เกิดขึ้น ที่ความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมาก ล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งสิ้น ดังนั้น ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างความมั่นใจในประเด็นต่างๆว่ามีมากน้อยแค่ไหนด้วย

หัวใจสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนตลาดหุ้นปีนี้ มีทั้งเรื่อง นโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงตัวช่วยจากต่างประเทศ จากแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในทิศทางขาลงได้ตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับประเทศจีน ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มข้นมากขึ้น หรือในมุมการค้าโลก ที่มีทิศทางกลับมาเติบโตมากขึ้น โดยการคาดการณ์ของ องค์การค้าโลก(WTO) คาดว่า การค้าโลกจะกลับมาขยายตัวได้กว่า 3%  หากเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวต่ำหรือแทบติดลบ

คาดเศรษฐกิจไทยปีนีโตเกิน3% 

แม้การคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ของกระทรวงการคลังจะอยู่ที่ 2.8% ปีนี้ แต่หากดูการคาดการณ์ของหลายสำนักเศรษฐกิจ มองเศรษฐกิจต่ำสุดอยู่ที่ 2.9% หรือขยายตัวเกิน 3% ถึง 3.5% ดังนั้นส่วนตัวมองว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้เกิน 3% เพราะนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะจากจีน ที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย

รวมถึงการค้า การส่งออก ที่คาดว่าปีนี้จะกลับมาเป็นบวกได้ เช่นเดียวกันกับการลดดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ผนวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ดำเนินการอยู่ จะเป็นส่วนหนุนสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เกิน 3% ปีนี้

หวังรัฐบาลเตรียมแผนสอง หากดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผ่าน

แต่ทว่า เหล่านี้ ยังอยู่ภายใต้ปัจจัยที่ไม่แน่นอน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท นักลงทุนไม่ได้ผิดหวังหากไม่ผ่าน แต่ผิดหวัง หากรัฐไม่ได้เตรียมแผนสองไว้เลย เพราะสิ่งที่ตลาดทุนเป็นห่วงคือ อยากเห็นการกระตุ้น แต่ก็ห่วงวินัยการคลัง

ดังนั้นต้องหาจุดสมดุล ไม่ต้องการที่จะเห็นรัฐบาลใช้จ่ายมากเกินไปเกินความพอดี และมองว่าไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเยอะขนาดนั้น แต่กระตุ้นให้ถูกเป้า ถูกจุดในที่ที่ควรไปมันจะช่วยทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

หวังหุ้นไทยไม่ต่ำกว่า 1,300จุด

ปัจจัยเสี่ยงข้างต้นจะเป็น Downside Risk ต่อตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ก็คงพูดยาก เพราะหากดูในแง่ P/E ratio (อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ) ของหุ้นไทยใน 12 เดือนข้างหน้า เทรดอยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งหากเทียบกับบางประเทศอาจแพง แต่หากเทียบกับในอดีต ย้อนหลัง 10ปี P/E ratio ของไทยอยู่ที่ 15-17 เท่า

ดังนั้นวันนี้รูมของเราเหลือน้อยมาก แต่หากดูในแง่ อัตราส่วนราคาตลาดของหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น(Price/Book) ปัจจุบันเทรดกันอยู่เพียง 1.2-1.3 เท่า

แนวโน้มหุ้นไทย เชื่อว่าไม่น่าลงไปอยู่ต่ำกว่า 1,300 จุด เพราะระดับที่เกือบ 1,400 จุดในปัจจุบัน ก็ถือว่าหุ้นโดยรวมถูกมากๆแล้ว ในอนาคตหากมีความชัดเจน ว่าสามารถขับเคลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตได้ และทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจนมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นในระยะข้างหน้าได้

และสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ ดิจิทัลวอลเล็ตมีความชัดเจน หรือรัฐบาลมีแผนสอง หากดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผ่าน แต่สิ่งที่สำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ว่าเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจะเติบโตได้เกินระดับ 3%  และไม่ใช่เฉพาะปีนี้ แต่ต้องทำให้เกิดผลทั้งปีหน้าปีถัดไป และในระยะยาวด้วย  ควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น เพราะตลาดหุ้นเป็นการซื้อเผื่ออนาคตในระยะยาวด้วย ดังนั้นภาพที่นักลงทุนอยากเห็น ต้องชัดเจน ทั้งระยะสั้น และระยะยาว

 

“วันนี้รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ในการพยายามแก้หนี้ครัวเรือน แก้หนี้นอกระบบ แต่หัวใจสำคัญ คือทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ในระยะยาว ตรงนี้ต้องดูความสำเร็จของรัฐบาลด้วย ว่าเราสามารถทำให้มีความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน  ที่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล เหล่านี้จะตอบคำถามว่า ตลาดหุ้นจะขึ้นไปอย่างยั่งยืนหรือไม่”

นอกจากนี้ การดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เป็นอีกหัวใจสำคัญ เพราะประเทศไทยขาดการลงทุนจากต่างประเทศค่อนข้างมาก รวมถึงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตต่างๆ ดังนั้นการเดินสายของนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกปัจจัยหนุน  ให้นักลงทุนมั่นใจว่า เศรษฐกิจข้างหน้าจะโตเกิน 3% ไม่ใช่แค่นี้ปีนี้ ปีหน้า แต่ต้องโตไปได้เรื่อยๆ ที่คิดว่าสำคัญมากกว่าเศรษฐกิจระยะสั้น

“ถ้าอยากให้หุ้นกระฉูดเลย ผมคิดว่าต้องแสดงตรงนี้ให้เห็นว่าระยะสั้น สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ 3-4%จะทำให้ไม่ต้องห่วงในระยะยาว นักลงทุนจะกลับมามีความเชื่อมั่นขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ การกลับมาดูเรื่องวินัยการเงินการคลัง ปัจจุบันประเทศไทยเราอยู่ในจุดที่รัฐบาลมีสูงแล้วที่ระดับ 60% ซึ่งนักลงทุนไม่อยากเห็นสูงไปกว่านี้จนแตะ70% ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้เงินอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด”

คาดหุ้นไทยปีนี้แตะ1,500จุด 

ในส่วนแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียน แนวโน้มน่าจะดีขึ้น เหล่านี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก หากเศรษฐกิจดีขึ้น แนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็มีแนวโน้มดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหุ้นไทยอยู่ที่ระดับแถวๆ 1,400 จุด ถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินการทุกเรื่องได้ในปีนี้ ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต หรือกรณีไม่มี แต่มีแผนสอง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า อาจสนับสนุนหุ้นไทยไปสู่ระดับ 1,500 จุดได้

ส่วนแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนแนวโน้มน่าจะดีขึ้น เหล่านี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก หากเศรษฐกิจดีขึ้น แนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็มีแนวโน้มดีขึ้น และหากดูศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยถือว่าค่อนข้างดี จากที่ผ่านมาที่อยู่ในโหมดของการป้องกันความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง ภายใต้ความไม่แน่นอนที่มากขึ้น ทั้งจากประเด็นสหรัฐ ที่มีการคาดการณ์ว่า สามารถซอฟท์เลนดิ้งได้หรือไม่ รวมถึงการคาดการณ์ของตลาดที่คาดสหรัฐอาจลดดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 3 ครั้ง หรือมากถึง 6-7 ครั้ง ภายใต้ความไม่แน่นอนดังกล่าวจะทำให้ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวือหวามากนัก

ส่วนภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในกลุ่มแบงก์ บางแบงก์ออกมาค่อนข้างผิดหวัง เพราะมีบางธนาคารที่เจอสถานการณ์หนี้เสีย ทำให้ต้องตั้งสำรองระดับสูง แต่หากดูภาพรวมหนี้เสียในระบบ ถือว่าไม่ได้มีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ดังนั้นตรงนี้ถือเป็นจุดที่สบายใจได้ว่า ผลธนาคารโดยรวมน่าจะประคองตัวเองไปได้

แต่ ภายใต้ดอกเบี้ยที่ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว และปีนี้ เป็นปีที่กลุ่มธนาคารจะต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากดอกเบี้ยเงินฝาก ที่จะครบกำหนด ที่อาจทำให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

คาดกำไรบจ.โต 10% 

ส่วนภาพรวมของบริษัทจดทะเบียน เชื่อว่า อยู่ในช่วงที่เติบโตได้ จากปีก่อนที่ผลงานโดยรวมออกมาค่อนข้างต่ำ โดยคาดว่า อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) โดยรวมจะอยู่ที่ราว 10% แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับฐานของปี 2566 ที่ออกมาด้วยว่าเติบโตมากน้อยเพียงใด

หากดูฟันด์โฟลว์ของตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท ส่วนนี้ ต้องแยกเป็นสองกลุ่ม ทั้งนักลงทุนระยะสั้นที่เล่นแบบวันต่อวัน  เมื่อได้กำไรแล้วถอนเงินออกไป และนักลงทุนระยะยาว ที่มีสัดส่วนน้อยลงในปัจจุบัน ดังนั้นการวัดว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นน้อยลง หรือเพิ่มขึ้น อาจวัดได้ไม่เหมือนอดีต

มีแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทย

ส่วนแนวโน้มไหลเข้า มองว่าปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น มากกว่าปีที่ผ่านมา จากปีก่อนที่ตลาดหุ้นไทยถือเป็นเฟอร์ฟอร์มต่ำที่สุดในโลก ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่หุ้นไทยจะกลับมาเป็นที่น่าสนใจ

ส่วนหนึ่ง เพราะนักลงทุนชอบของถูก เพราะหากเทียบกับ 70 ประเทศหลักที่เทรดอยู่ปัจจับนถือว่า เกือบเป็นถูกที่สุดในตลาดโลก และปีก่อนหุ้นไทยติดลบหนักที่สุด ทำให้หุ้นไทย underperform

“ปีนี้มันยังมียังมีโอกาสที่จะไปได้ดีกว่าที่หลายคนคาดไว้ เพราะมีอีกหลายจุดที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้ และที่สำคัญสุดคือ ความคาดหวังของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ค่อนข้างต่ำ ในตลาดหุ้นที่นักลงทุนคาดหวังสูงๆ ของก็มักจะแพง แต่เมื่อมีความคาดหวังน้อยไม่มีความมั่นใจ ในทางทฤษฏีก็ถือว่าเป็นโอกาสในการซื้อ ดังนั้นปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามา แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลที่จะบริหารเศรษฐกิจให้เป็นไปตามความคาดหวังของนักลงทุน”

  

ดังนั้น คาดหวังว่า ปีนี้ตลาดหุ้นไทยปีนี้จะไม่ติดลบ เป็นปีที่สองติดต่อกัน เพราะหากติดลบ จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 25-26ปี  แต่ต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยมีความอ่อนไหวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากปัจจัยเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้น และปีนี้จะเป็นปีแห่งไม่แน่นอนในทางการเมืองของโลก  จะมีหลายประเทศที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งถึง 64 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมประชากรครึ่งหนึ่งของโลก ดังนั้นอาจมีปัจจัยเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนได้ ฉะนั้นการลงทุนต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเราอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูงในระบบเศรษฐกิจโลก

โรบอทเทรดไม่ได้เป็นตัวร้ายทุบหุ้นไทย

ไพบูลย์ ยังตอบในประเด็นของ Robot Trade หรือโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ ที่มีการตั้งคำถามว่า เป็นตัวร้ายทุบรายย่อยหรือไม่?

เชื่อว่า “ไม่” เพราะโปรแกรมเทรด เช่น High Frequency Trading หรือ HFT เป็นเพียงโปรแกรมที่ใช้ความเร็วในการเทรด ไม่ได้มีผลร้ายต่อตลาด หรือโปรแกรมที่พยายามสร้างความบิดเบือนตลาด หรือปั่นหุ้น เพราะจากผลศึกษาชี้ให้เห็นแล้วว่า การเทรดหุ้นอัตโนมัติเหล่านี้  เป็นการเทรดโดยใช้ความเร็วสูง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นจำนวนมาก ไม่ได้มีลักษณะเอาเปรียบนักลงทุน

และยังพบว่าการเข้ามาทำรายการซื้อขาย ส่วนใหญ่ 75% เข้ามาเคาะซื้อขายในราคาบิดออฟเฟอร์ ไม่ได้เข้ามาสร้างราคา แต่เข้ามาช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดมากขึ้น

นอกจากนี้ พบว่าโอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนทั่วไป ไม่ได้หายไป และค่ากลางของการได้กำไรของนักลงทุนทั่วไปพบว่า สูงกว่า HST ฉะนั้น ไม่ได้พบว่า โปรแกรมเทรดดิ้งเหล่านี้มีพฤติกรรมเอาเปรียบนักลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ พบว่า ปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 40% แต่หากดูในประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่าสูงถึง 80-85% ที่เป็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในการช่วยซื้อขายหุ้น เหมือนทุกวงการที่มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยทุ่นแรง ทำให้ทำธุรกรรมต่างๆง่ายขึ้นรวดเร็วขึ้น และคาดว่า ในอนาคตสัดส่วนการเทรดผ่านโปรแกรมเหล่านี้จะมากขึ้น เพราะจะช่วยทุ่นแรงในการซื้อขายมากขึ้น โดยเฉพาะออเดอร์ใหญ่ๆ  ดังนั้นเชื่อว่าระยะข้างหน้า อาจเห็นสัดส่วนผ่านโปรแกรมเทรดอัตโนมัติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ชูกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้น High Dividend

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การลงทุนเฉพาะหุ้นไทยไม่ได้อีกต่อไป อาจต้องมีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปสู่หุ้นนอกมากขึ้น ที่สามารถหาซื้อได้ในไทยผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือกองทุนต่างประเทศ

ส่วนหุ้นไทยอาจต้องรอให้ตลาดฟื้น

โดยกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน ในกลุ่ม High Dividend หุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยเฉพาะ 30ตัวแรกของตลาดหลักทรัพย์ที่คัดมาแล้ว  ปีก่อนตลาดหุ้นไทยติดลบ 15% หากหักการจ่ายปันผล 2-3% โดยรวมแล้วผลตอบแทนติดลบอยู่ที่ราว 12-13%  ขณะที่ set High Dividend ติดลบเพียง 6%  ซึ่งหากนับรวมปันผลที่บริษัทเหล่านี้จ่ายอีก ปีก่อนติดลบเพียง 1-2%เท่านั้น ซึ่งแปลว่า เกือบเสมอตัว

นอกจากนี้หากไปดูย้อนหลัง10 ปีในอดีต ในกลุ่ม High Dividend  พบว่า นักลงทุนที่ถือจนถึงวันนี้ ได้เงินต้นคืนไปหมดแล้ว ในรูปแบบเงินปันผล ซึ่งมีกว่า 20-30ตัวที่มีลักษณะนี้ ดังนั้นที่นักลงทุนถืออยู่วันนี้ คือกำไรทั้งหมด เหล่านี้คือการลงทุนระยะยาว ดังนั้น ระหว่างรอหุ้น หุ้น Defensive หุ้นปลอดภัย หุ้นในกลุ่มในกลุ่ม High Dividend ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ

ถัดมาคือหุ้นในกลุ่ม เฮลท์แคร์ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งดีทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากผลพวงเศรษฐกิจน้อย และปัจจุบัน มีหุ้นโรงพยาบาลที่ไม่ใหญ่มาก ที่ราคายังไม่สูง ราคาสมเหตุสมผลอยู่

“ภาพตลาดโดยรวม ไม่ได้มองว่าแพงเกิน ภาพใหญ่หากแพงไปแล้ว เราอาจต้องคิดหนัก แต่ภาพใหญ่ไม่แพง วันนี้ยังเทรดอยู่ที่ 14เท่าของกำไร ในอนาคต และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่เคยเป็นอยู่ และซีเล็คทีฟก็มีหุ้นหลายตัวที่น่าลงทุน แต่ก็ต้องดูเป็นตัวๆไป ปีก่อนหุ้นไทยติดลบไป 15% แต่ก็มีหุ้นเยอะพอสมควร ที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าทั้งตลาดลบ แล้วหุ้นทั้ง 900 ตัวจะลบ แต่หากไปดูรายตัวยังมีเยอะที่ยังกำไร ดังนั้นหากเราศึกษาเป็นรายตัวก็จะช่วยในการเลือกลงทุนได้ ”

โดยสรุปแล้ว มองว่า หากภาพเศรษฐกิจไทย เป็นเหมือนที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ ผนวกกับไม่มี ดิจิทัลวอลเล็ต หุ้นไทยก็คงแย่ ดัชนีคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ ส่วนจะลงขนาดไหนคงคาดการณ์ยาก โดยเฉพาะหากสถานการณ์แย่กว่าคาด นักลงทุนต่างชาติคงขายหุ้นไทยต่อ เพราะไม่รู้ว่าจะถือไปทำไม่ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เกิด แผนสอง แผนสามยังไม่มี

ดังนั้นหวังว่าภาพเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้น ก็ต้องติดตามว่าสถานการณ์หนักแค่ไหน แล้วค่อนกลับมาประเมินภาพกันใหม่

และภาพวันนี้ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มภาครัฐด้วยกัน อย่างประมาณการของแบงก์ชาติ และกระทรวงการคลังที่ยังต่างกันมาก ดังนั้นควรจะไปทิศทางเดียวกัน แต่เหล่านี้อยู่ในวิสัยที่แก้ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินนโยบายว่าจะเห็นความสำคัญเหล่านี้ขนาดไหน และหากสามารถขับเคลื่อนเป็นองคพยพเป็นการสร้างความมั่นใจได้มากกว่า เห็นต่างมุม ดังนั้นก็ต้องให้กำลังใจกันต่อไป

สุดท้ายแล้ว สำหรับหุ้นไทย หลายคนมองว่าหุ้นไทยขาดเสน่ห์ ในระยะยาว ส่วนตัวก็มองเช่นนั้น ไม่เฉพาะหุ้น แต่เศรษฐกิจไทยก็ขาดความเซ็กซี่เช่นเดียวกัน ซึ่งค่อนข้างเป็นห่วง ที่เรามีการเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาหรือไม่ เหมือนตลาดหุ้น หากมาสร้างโรงงาน ตั้งกิจการ  คงต้องคิดหนัก และคู่แข่งของเราก็เยอะมาก

ดังนั้นจุดขายของเรา ต้องการแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ ซึ่งจะเป็นตัวไหน รัฐบาลต้องเป็นขับเคลื่อนออกมา และสร้างให้เรากลับไปเติบโตมากกว่านี้ ภายใต้ปัจจุบันที่หลายคนมองว่า ศักยภาพเศรษฐกิจไทยปรับลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นจะทำอย่างไรให้เราสามารถดันศักยภาพของเศรษฐกิจไทยให้เพิ่มขึ้น  ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือ รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยให้กลับมาได้อย่างไร

ตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน ต้องมีจุดขายของเรา จากวันนี้ ที่พยายามขาย กลุ่มธุรกิจ Healthcare  หรือ Well-being ดังนั้นต้องทำให้ใหญ่กว่านี้ เพื่อให้มีศักยภาพขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แต่ปัจจุบันหุ้นไทยยังมี คอมมูนิตี้ พลังงานค่อนข้างมาก ดังนั้นระยะยาว ยังเป็นห่วง ว่าจุดขายของประเทศไทยยังมีน้อย

ไม่แปลกที่วันนี้ นักลงทุนต่างชาติกลายเป็นนักลงทุนระยะสั้น 70-80% ส่วนนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุน 5-10 ปี ลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาตลาดทุนยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกมาก

“ตลาดหุ้นไทยปีนี้ รีบาวน์แน่นอน แต่ตลาดหุ้นไทยก็จะเป็นลักษณะ เทรดดิ้งมาร์เก็ต มาเพื่อเทรด ไม่ใช่จุดที่ต่างชาติจะมาถือยาว ยังมองไม่เห็นว่า เขาออกจากประเทศไทยแล้ว แต่เขาอยากเห็นนโยบายดีๆ ที่จะสร้างความมั่นใจให้เขาได้ ว่าอีก 5ปีหลังจากนี้ ประเทศไทยเราจะไปอยู่ตรงนี้ ตลาดหุ้นก็ไปเกินนั้นได้”

News Related
  • สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน

    Courtesy of ByteDance https://assets.beartai.com/uploads/speaker/post-1334883.mp3?cb=1701136108.mp3 สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมอย่าง TikTok สั่งปลดพนักงานในแผนกเกมออกราว 1,000 คน พร้อมยกเลิกการพัฒนาเกมที่ยังไม่ได้เปิดตัวทั้งหมด และเตรียมขายเกมที่มีอยู่ในปัจจุบันให้บริษัทอื่นด้วย แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ByteDance มองว่าธุรกิจเกมไม่ได้สำคัญมากนักและมีโอกาสที่จำกัดในการสร้างรายได้ บริษัทจึงเลือกที่จะทุ่มเทกับธุรกิจหลักมากกว่า เช่น TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่พ่วงมากับอีคอมเมิร์ซ ซึ่งกำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งนี้ ByteDance เคยมีความทะเยอทะยานอย่างมากกับธุรกิจเกม และต้องการต่อกรกับยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent Holdings บริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากรายได้ โดย ByteDance ได้ลงทุนอย่างจริงจังในธุรกิจเกมมาตั้งแต่ปี 2016 และในระหว่างปี 2019 ถึงปี 2022 พวกเขาทุ่มเงินมากถึง 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 151,200 ล้านบาท เพื่อลงทุนในบริษัทเกมมากกว่า 19 แห่ง ความทะเยอทะยานของ ByteDance ค่อย ๆ ลดลงจากผลงานที่น่าผิดหวัง ...
    See Details: สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน
  • สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก

    สุภโชค สารชาติ เจลีก ลีกฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขัน เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ 2023/24 ได้ประกาศโปรแกรมการแข่งขันในปีนี้ออกมาแล้ว สำหรับปีนี้จะใช้ชื่อเต็มว่า ไทยประกันชีวิต เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ 2023/24 พาวเวอร์ดบาย เมจิ ยาสึดะ หลังได้ ไทยประกันชีวิต เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักอีกทั้งยังได้เซ็นข้อตกลงกับบริษัท นิคอน คอร์เปอเรชั่น ในฐานะ “บรอนซ์ พาร์ทเนอร์” ด้วย เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ 2023/24 จะมี 4 ทีมเข้าร่วมการแข่งขันประกอบด้วย 2 ทีมไทยลีก เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ส่วนทีมจากเจลีก ประกอบด้วย ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และ เซเรโซ ...
    See Details: สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก
  • ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4

    ภาพประกอบข่าว ครม. เคาะกฎกระทรวงขยายเวลาให้สถานบริการที่ตั้งในโรงแรมถูกกฎหมาย สถานบริการที่ตั้งใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย ได้ถึง 4.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 พ.ย. 2566 ได้อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่….) พ.ศ… ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ จะกำหนดให้สถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังต่อไปนี้เปิดให้บริการได้ถึงเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นได้ ได้แก่ สถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม, สถานบริการที่ตั้งอยู่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาพประกอบข่าว สำหรับท้องที่อื่นที่ประสงค์จะให้สถานบริการเปิดทำการได้ถึง 4.00 ...
    See Details: ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4
  • อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา

    Elon_Musk_Plan_City_Cover https://assets.beartai.com/uploads/speaker/post-1334745.mp3?cb=1701136565.mp3 วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน อิสราเอลได้ต้อนรับการมาเยือนของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ในระหว่างที่หยุดทำสงครามกับฮามาสเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ในฉนวนกาซา หลังจากมัสก์รับปากว่าจะให้การช่วยเหลือการเชื่อมต่อเน็ตในฉนวนกาซาผ่าน “องค์กรช่วยเหลือที่สากลยอมรับ” ในช่วงที่อิสราเอลเริ่มถล่มฉนวนกาซาอย่างหนักจนการสื่อสารถูกตัดขาดลง ช่วงบ่ายของวันจันทร์ ไอแซค เฮอร์ซอก (Isaac Herzog) ประธานาธิบดีของอิสราเอลมีกำหนดจะพูดคุยกับมัสก์ และพวกเขาจะเข้าร่วมพูดคุยกับญาติของตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาจับตัวไว้ เพื่อหาทางต่อสู้กับการต่อต้านชาวยิวที่เพิ่มขึ้นบนโลกออนไลน์ ในวันเดียวกัน เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล มีกำหนดหารือกับมัสก์เกี่ยวกับความปลอดภัยของเอไอ และจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์ หลังจากทั้งสองพึ่งพบกันล่าสุดในแคลิฟอร์เนียเมื่อ 18 กันยายน เกี่ยวกับการต่อต้านชาวยิวบนแพลตฟอร์ม X และหาจุดสมดุลของเสรีภาพในการแสดงออก ปลายเดือนตุลาคม ช่วงที่มัสก์เผยว่าจะมอบเน็ตสตาร์ลิงก์ให้ใช้งานในฉนวนกาซา ชโลโม คาร์ฮี (Shlomo Karhi) กสทช. ของอิสราเอลได้แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากลุ่มฮามาสจะนำเน็ตไปใช้ในการก่อการร้าย แต่การพูดคุยล่าสุดเน็ตสตาร์ลิงก์จะถูกใช้ในอิสราเอลเฉพาะเมื่อได้รับอนุมัติจากกระทรวงคมนาคมของอิสราเอล ซึ่งรวมถึงในฉนวนกาซาด้วย ...
    See Details: อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา
  • 'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ

    ‘ไบท์แดนซ์’ จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก ‘เทนเซ็นต์’ ไม่สำเร็จ สำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างอิงแหล่งข่าวเผยว่า ไบท์แดนซ์ บริษัทแม่ติ๊กต็อกวางแผนปลดพนักงานฝ่ายเกมมิงและยุบธุรกิจพัฒนาเกมที่เป็นหน้าเป็นหน้าของบริษัทอย่าง Nuverse ถือเป็นการถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมเกมครั้งใหญ่ ยกชัยชนะให้กับคู่แข่งอย่างเทนเซ็นต์ทันที แหล่งข่าวระบุว่า ไบท์แดนซ์ เตรียมปลดพนักงานหลายร้อยคน รวมทั้งยุบหลายโครงการที่กำลังพัฒนาและฉุดศักยภาพยอดขายของธุรกิจที่มีอยู่ ตามที่รอยเตอร์เคยรายงานหน้านี้ บริษัทยังพิจารณาขายเซี่ยงไฮ้ มูนตัน เทคโนโลยี สตูดิโอพัฒนาวิดีโอเกมชั้นนำที่ซื้อมาด้วยมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ (1.4 แสนบาท) เมื่อปี 2564 ด้วย การสร้างเกม ถือเป็นธุรกิจที่มีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ปีก่อน ไบท์แดนซ์เริ่มปิดสตูดิโอของตนเองและปลอดพนักงานฝ่ายพัฒนาหลายคน หลังเปลี่ยนไปโฟกัสธุรกิจหลักอย่างติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น ๆ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเดือนนี้ก็ปลดพนักงานเกือบ 1 ใน 4 ของฝ่ายพิโค (Pico) ธุรกิจอุปกรณ์โลกเสมือน ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ภาคธุรกิจเกมในโทรศัพท์มือถือของจีน ประสบปัญหาฟื้นธุรกิจให้ถึงจุดสูงสุดเหมือนช่วงโควิด-19 ในขณะที่เศรษฐกิจโลกชอละตัว ไบท์แดนซ์จึงค่อย ๆ ลดความทะเยอทะยานในอุตสาหกรรมเกม เมื่อไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเทนเซ็นต์ได้ ในทางกลับกันผู้นำอุตสาหกรรมเกมอย่างเทนเซ็นต์ ยังคงรักษาการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เพราะได้รับแรงหนุนจากเครดิตผู้นำอุตสาหกรรม ...
    See Details: 'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ
  • TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น

    ภาพประกอบข่าว TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้เศรษฐกิจโลกปี 2567 จะโตแบบชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2566 ผลจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดในรอบหลายทศวรรษ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับสูง แต่ไม่เลวร้ายถึงขั้น “เศรษฐกิจถดถอย”  แนะลงทุนพันธบัตรเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน 8-15% ช่วยกระจายความเสี่ยงและลดผลขาดทุนของพอร์ตโดยรวม นายธรรมรัตน์ กิตติสิริพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) (Mr.Thammarat Kittisiripat, Head of Economic Unit, TISCO Economic Strategy Unit) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 จะชะลอตัวลง อันเป็นผลจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่จะส่งผลกดดันต่อกิจกรรมเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ทั้งกิจกรรมด้านบริการและภาคการผลิต นอกจากนี้ ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางต่างๆ และมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ ทำให้ TISCO ESU ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกในปี 2567 จะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะธนาคารกลางจะต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่ยังให้น้ำหนักไม่มาก ที่จะเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” โดยหากอ้างอิงจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มองว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มที่ “พัฒนาแล้ว” จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ...
    See Details: TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น
  • “นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน

    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  ผู้แทนการค้าไทย หารือผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกและนำเข้าปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ไทย และตัวแทนบริษัทส่งออกผลไม้ไทย เพื่อร่วมมือผลักดันการส่งออกโคและผลไม้ไทยไปจีน ผู้แทนการค้ากล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การส่งออกเดือน ต.ค.2566 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8% เป็นบวกต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 13 เดือน นับจากเดือนก.ย.2565 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 9.3% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 12.3% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5.9% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง อาหารสุนัขและแมว ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สิ่งปรุงรสอาหาร ผักกระป๋องและผักแปรรูป ผู้แทนการค้ากล่าวว่า สินค้าเกษตรจึงเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย จากการหารือกับสมาคมผู้ส่งออกฯ ที่ผ่านมาประเทศไทยติดปัญหาการส่งออกโคมีชีวิตไปยังประเทศจีน ซึ่งต้องให้ผ่านการรับรองจาก ...
    See Details: “นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน
  • มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน
  • น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)
  • เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล
  • กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา
  • SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร
  • สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด

    หากนึกย้อนไปในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเจอผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงักลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุปสงค์หายไปอย่างกระทันหัน (Demand Shock) และเป็นต้นตอที่นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นตามมา จึงทำให้เราเห็นมาตรการการคลังและการเงินมากหน้าหลายตาถูกงัดออกมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจขนานใหญ่ สอดคล้องกับ IMF ที่ประเมินว่าเม็ดเงินจากมาตรการสนับสนุนทางการคลัง (Fiscal Support) ที่ใช้ในปี 2020 รวมกันทั่วโลกอาจสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2009 ที่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดไปเพียง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 11% ของจีดีพี ณ ขณะนั้น “การอัดฉีดเงินเข้าภาคประชาชนโดยตรง” หรือ Helicopter Drop ก็เป็นหนึ่งในมาตรการยอดนิยมที่ 58 ประเทศทั่วโลกใช้ในวิกฤตระลอกล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นกว่าเมื่อเทียบกับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อสินทรัพย์ผ่านเครื่องมือทางการเงิน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องส่งผ่านตัวกลางใด ๆ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเครื่องมือทางการคลังอื่น โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความพร้อมด้าน Payment Ecosystem ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรงประเด็น อย่างไรก็ดี เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบดังกล่าวมักถูกใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตรุนแรงหรือช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อให้เกิดการจับจ่ายเป็นวงกว้างและนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้หลาย ...
    See Details: สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด

OTHER NEWS

ถ้าไม่ไหวไปที่อื่น ! ไข่มุกหลงกล้อง-ทศกัณฐ์เดดแอร์ ศึกแข่งผู้ประกาศข่าวสุดเดือด!

ถ้าไม่ไหวไปที่อื่น ! ไข่มุกหลงกล้อง-ทศกัณฐ์เดดแอร์ ศึกแข่งผู้ประกาศข่าวสุดเดือด! รอบ Real Chance กับโจทย์ผู้ประกาศข่าวเที่ยงอมรินทร์ เดือดสุด !! เพราะเป็นรอบที่น้องๆ ทีมสีส้ม “ไข่มุก-ชาโอม-จอย” และทีมสีม่วง “ฟิว-ทศกัณฐ์-ปอนด์” ต้องมานั่งโต๊ะเป็นผู้ประกาศข่าวจริงๆ รอบ Real Chance กับโจทย์ผู้ประกาศข่าวเที่ยงอมรินทร์ ใน THE REAL NEXT GEN อมรินทร์เน็กซ์เจน Presented By est cola รายการเรียลลิตี้ ... Read more »

นายกฯ เผย ครม.เคาะขึ้นเงินเดือน ขรก.แล้ว รอฟังโฆษกแถลงได้เลย

ภาพประกอบข่าว นายกฯ เผย ครม.พิจารณาวาระขึ้นเงินเดือนแล้ว ให้โฆษก รบ.แถลง พร้อมเรียก รมต.เพื่อไทยถกต่อ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในวันนี้ที่ประชุม ครม.ได้มีการพิจารณาวาระการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกฯเป็นผู้แถลง ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังนายกฯเป็นประธานการประชุม ครม.ชุดใหญ่แล้ว นายกฯได้เชิญรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) ... Read more »

ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ‘เด่นนาโพธิ์’ ตะลึงว่าจ้างตัวเอง ‘ล้มมวย’!

ภาพประกอบข่าว ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ‘เด่นนาโพธิ์’ ตะลึงว่าจ้างตัวเอง ‘ล้มมวย’! จากรกรณีที่ เด่นนาโพธิ์ ส.ธัญญาลักษณ์ นักมวยไทย ขึ้นชกกับ ก้องนภา ศรีมงคล เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ที่เวทีมวยวัดบ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ โดยการชกครั้งนี้ เด่นนาโพธิ์ แพ้น็อกไปอย่างกังขาในยกที่ 3 ทั้งที่ เด่นนาโพธิ์ เป็นฝ่ายฟันศอก ก้องนภา ... Read more »

พีพี วอนแฟนคลับไม่รุกล้ำเวลาส่วนตัว อยากเจอกันแบบสบายใจ

พีพี วอนแฟนคลับไม่รุกล้ำเวลาส่วนตัว อยากเจอกันแบบสบายใจ ก่อนแง้มข่าวดีกลางปีหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ บริษัท PP Krit Entertainment ของศิลปินนักแสดงชื่อดัง พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ได้ออกหนังสือชี้แจงมาตรการด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของศิลปิน หลังมีบุคคลบางกลุ่มพยายามละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ดูเหมือนว่ายังคงมีหลายคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎดังกล่าว จนเป็นเหตุให้คนใกล้ชิดต้องออกมาพูดเตือนสติเรื่องนี้อีกครั้งผ่านทางโซเชียล ล่าสุดเจอ พีพี ในงาน centralwOrld Light Up Christmas Tree Celebration ที่ ลานสแควร์A หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่า ... Read more »

สมยศ เผยเซ็นสัญญา"อิชิอิ"คุมบอลไทยระยะสั้นแค่ช่วงวาระชุดบริหารปัจจุบัน

สมยศ เผยเซ็นสัญญา”อิชิอิ”คุมบอลไทยระยะสั้นแค่ช่วงวาระชุดบริหารปัจจุบัน จากกรณี “มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ประกาศอย่างเป็นทางการแยกทาง มาโน่ โพลกิ้ง จากหัวหน้าผู้ฝึกสอน หลังผลงานคัดบอลโลก 2 นัดแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชชาวญี่ปุ่น อดีตกุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ แทนทันที ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เผยว่าเรื่องการเลือกโค้ช เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน มาดามแป้ง ... Read more »

ปุ้ย TPN อัปเดต มิสยูนิเวิร์ส 2023 หลังรัฐบาลนิการากัว สั่งห้ามเข้าประเทศ

หลังจากจบการประกวด Miss Universe 2023 แต่งานนี้ก็ยังมีเรื่องให้ ปุ้ย ปิยาภรณ์ หรือที่แฟนนางงามรู้จักในชื่อ ปุ้ย TPN ต้องมาชี้แจงหลายประเด็นที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ Miss Universe คนล่าสุดเข้าประเทศไม่ได้ หรือประเด็นที่บริษัท TCG จะฟ้อง JKN ซึ่ง JKN เป็นบริษัทแม่ และ TPN เป็นบริษัทลูก จะโดนร่างแหไปด้วยหรือไม่ งานนี้เจ้าตัวก็ได้ตอบแบบเคลียร์ว่า “ข่าวที่ว่ามิสยูนิเวิร์สเขาเข้าประเทศไม่ได้น่ะเหรอ นี่ก็ได้คุยกับ ND ... Read more »

เจ้าหน้าที่คุมประพฤติซิ่งแจ๊ซเมาพุ่งชนคู่กรณีจนรถพลิกคว่ำ

เจ้าหน้าที่คุมประพฤติซิ่งแจ๊ซเมาพุ่งชนคู่กรณีจนรถพลิกคว่ำ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติซิ่งรถแจ๊ซเมาหนักเดินเซขึ้นรถตำรวจ หลังจากพยายามขับรถพุ่งชนคู่กรณีจนรถพลิกคว่ำ แถมไม่สลดในมือยังถือกระป๋องเบียร์ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. ตำรวจ สน.ท่าพระ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ เฉี่ยวชนกันจนเกิดพลิกคว่ำ บริเวณอุโมงค์ท่าพระ มุ่งหน้าจาก ถนน จรัญสนิทวงศ์ มุ่งหน้าถนน รัชดาท่าพระ จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณเชิงลาดขาลงทางลอดอุโมงข้ามแยกใต้แยกท่าพระ ทิศทางมุ่งหน้ามาจากถนนจรัญสนิทวงศ์ มุ่งหน้าไปทางถนน รัชดาท่าพระ แขวง วัดท่าพระ เขต บางกอกใหญ่ ... Read more »
Top List in the World