เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางเข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติม กับคณะพนักงานสอบสวนในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน 140 ล้านบาท หรือ คดี “เป้รักผู้การ” หลังได้มีการขอเลื่อนมาจากเมื่อวันที่ 12-13 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ยังมีผู้ต้องหาที่ยังไม่เข้ารับทราบข้อหาอีก 4 คน โดยในจำนวนนี้มี 3 คนเลื่อนจากก่อนหน้ามาเป็นวันนี้ คือ พล.ต.ต.กัมพล หรือ “อดีตผู้การชลบุรี” ซึ่งมาแล้ว กับนาย “บอย พัทยา” และลูกน้องนายบอยอีก 1 คน ซึ่งได้นัดหมายไว้เวลาประมาณ 14.00 น. โดยหากภายใน 16.00 น. หากไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการออกหมายจับ
ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน เปิดเผยว่า ในวันนี้คณะทำงานทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ จะประชุมใหญ่สรุปการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทุกคน และประชุมแนวทางการสรุปสำนวน ว่าคณะทำงานเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารายใดบ้าง หรือไม่ฟ้องอย่างไร และจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จเมื่อไหร่อย่างไร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็วกว่ากำหนดการเดิม 60 วันที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก
“อดีตผู้การชลบุรี” มาแล้ว! รับทราบข้อหา พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ส่วน “บอย พัทยา” มาบ่ายนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาบางส่วนยื่นร้องขอความเป็นธรรมมาจะพิจารณาอย่างไร นายวัชรินทร์ บอกว่า คณะทำงานชุดนี้ ซึ่งมีพล.ต.ท.อัคราเดช เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับคณะทำงานของอัยการ ถือเป็นคณะทำงานที่ให้ความเป็นธรรมเต็มที่กับทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ไม่ได้รับฟังพยานหลักฐานแต่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นผู้ต้องหาสามารถยื่นพยานหลักฐานเข้ามาได้ทั้งหมด หากเป็นพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อคดี
แต่หากเป็นการยื่นขอความเป็นธรรมในประเด็นเดิม หรือไม่มีประเด็นสำคัญ เช่น การอ้างว่าผู้ต้องหาคดีนี้เป็นข้าราชการ ดังนั้นคณะทำงานชุดนี้ไม่มีอำนาจการสอบสวน แต่เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. แต่จริงๆ แล้ว แม้จะมีความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน แต่หากมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพียงแต่ต้องแจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบ ดังนั้นประเด็นลักษณะนี้เป็นการตีความข้อกฎหมายที่คณะทำงานพิจารณาได้ จึงไม่มีประเด็นให้ต้องสอบสวนเพิ่ม
แต่หากอ้างพยานหลักฐานอื่น เอกสารอื่นเข้ามา คณะทำงานยินดีที่จะรับฟัง ยกตัวอย่าง เช่น กรณีตำรวจไซเบอร์ 2 นายที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานจากคดีนี้ แต่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพราะทั้ง 2 นายไม่ได้เดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี คณะทำงานก็ได้ออกหมายเรียกไปเพราะมีความจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประเด็นให้ครบถ้วน ตำรวจไซเบอร์ทั้ง 2 นายก็มาให้การตามนัด ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมให้คณะทำงานด้วย ซึ่งคณะทำงานก็รับไว้พิจารณา
News Related-
สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน
-
สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก
-
ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4
-
อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา
-
'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ
-
TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น
-
“นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน
-
มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน
-
น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)
-
เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล
-
กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา
-
SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร
-
สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด