5 เทคนิคอ่านงบแบบกระชับ หุ้นดี หรือ หุ้นเสี่ยง รู้ก่อนเลือกเข้าพอร์ต

5 เทคนิคอ่านงบแบบกระชับ หุ้นดี หรือ หุ้นเสี่ยง รู้ก่อนเลือกเข้าพอร์ต

5 เทคนิคอ่านงบแบบกระชับ หุ้นดี หรือ หุ้นเสี่ยง รู้ก่อนเลือกเข้าพอร์ต

งบการเงิน เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น  ในมุมของนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากงบการเงินได้เป็นอย่างมาก ทั้งในระดับการอ่านจุดสำคัญๆ อย่างรวดเร็ว หรือการอ่านอย่างละเอียดที่ต้องใช้เวลามากก็ตาม  ในเว็บไซต์ของ SET และ settrade ก็ได้จัดข้อมูลให้ครบทั้ง งบแบบสรุป  และแบบละเอียดครบทุกบรรทัดให้อย่างจุใจทุกหุ้นในตลาด ขาดเพียงรายที่มีปัญหาไม่ส่งงบเท่านั้นเอง

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะวิธีการดูข้อมูลงบการเงินในจุดสำคัญๆ ไม่ใช่ตำราการวิเคราะห์งบการเงินฉบับเต็ม ที่ต้องเขียนเป็น 100 หน้า และอ่านนานเป็นวันๆ  แต่จะสรุปเฉพาะจุดสำคัญที่ท่านควรดูเป็นขั้นต่ำ โดยไม่ใช้เวลามาก (จนหมดกำลังใจที่จะอ่านต่อ)  สามารถเห็นได้ว่าหุ้นที่ดูนั้นเป็นหุ้นดีที่น่าสบายใจ หรือเป็นหุ้นแย่ที่มีจุดเสี่ยงจุดเปราะที่ควรหลีกเลี่ยง

เทคนิคอ่านงบแบบกระชับ 5 ข้อ ได้แก่ 1) รายงานความเห็นของผู้สอบบัญชี 2) ดูการเติบโตของรายได้ กำไรสุทธิ สินทรัพย์ 3) ดูตัวเลขที่แสดงว่าบริษัทนี้มีคุณภาพกำไรในอัตราที่ดีหรือไม่ เช่น Net Profit Margin, ROE 4) ความเสี่ยงและสภาพคล่องทางการเงิน และ 5) ตรวจตัวเลข ลูกหนี้ สินค้าคงเหลือ

5 จุดสำคัญของงบการเงินที่ควรจะดูเป็นขั้นต่ำ 

1.รายงานความเห็นของผู้สอบบัญชี 

แม้ว่าจะค่อนข้างยาว โดยส่วนหนึ่งเป็นการแจงของผู้สอบบัญชีว่าได้สอบถามตรวจทานมาอย่างไร และกล่าวถึงว่า ผู้บริหารเป็นผู้รับผิดชอบการจัดทำงบ เป็นต้น จุดที่สำคัญที่สุดที่ต้องหาให้ได้คือ ถ้อยคำว่า ”งบการเงินนี้ถูกต้องตามที่ควรในสาระสําคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน” หรือ “ไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่าข้อมูลทางการเงินดังกล่าวไม่ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการบัญชี”   แต่ถ้าอ่านเจอคำว่า “ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท” แบบเดียวกับหุ้นที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ ต้องเลี้ยวหนีทันทีนะครับ

นอกจากนั้น ในรายงานผู้สอบบัญชี  ให้ดูต่ออีกนิดว่า มี ”ข้อสังเกต” หรือไม่  ถ้ามีก็ควรอ่านดูครับว่า  ประเด็นข้อสังเกตนั้นทำให้เรากังวลหรือไม่กังวลครับ

แต่ถ้าใครอยากได้ตัวช่วยสรุปความเห็นผู้สอบบัญชีเร็วขึ้นไปอีก ให้ไปดูจาก Factsheet ในเว็บไซต์ของ settrade เขาได้ช่วยสรุปความเห็นผู้สอบบัญชีไว้ให้เรียบร้อยสั้นๆ  เช่น ไม่มีเงื่อนไข หรือไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต เป็นต้น ครับ

2.ดูการเติบโตของรายได้ กำไรสุทธิ สินทรัพย์

ควรใช้ตัวช่วยจากตัวเลขสรุป 5 งวดปี ที่เว็บไซต์ SET และ settrade ช่วยนำข้อมูลมาเรียงเป็นตารางให้เรียบร้อย ธุรกิจโดยทั่วไปที่ไม่ใช่หุ้นวัฏจักรแบบเข้มข้น (Cyclical Stock) ควรมีแนวโน้มเติบโตให้เห็นได้  จากการเรียงข้อมูลประมาณ 5 ปี โดยไม่จำเป็นต้องโตทุกปีก็ยอมรับได้ เพราะการลดหย่อนนิดๆ หน่อยในบางปีไม่ใช่เรื่องแปลกในประเทศที่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตมากแบบไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อาจต้องยอมเว้นวรรคข้ามการดูปี 2563 และ 2564 ที่เป็นช่วงวิกฤตโควิดอย่างหนักจนตั้งหลักไม่ทันครับ  เพราะไม่ใช่สิ่งที่เกิดได้บ่อยๆ

การเรียงข้อมูลเทียบแค่ 2 ปี หรือ 3 ปี ไม่เพียงพอให้เห็นทิศทางที่ผ่านมาว่าเติบโตหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นธุรกิจวัฏจักรเข้มข้น เช่น ปิโตรเคมี  น้ำมัน  โลหะ สินค้าเกษตร สายการบิน เป็นต้น ทั้งนี้ หุ้นวัฏจักรแบบเข้มข้น จะมีพฤติกรรมราคาสินค้าและกำไรผันผวนมากเป็นวัฏจักร ช่วงที่ดีจะขึ้นแรงจนตะลึงประมาณ 2 ปี แล้วสลับด้วยการดิ่งเหวประมาณ 2 ปี ยามลงแรงอาจถึงขั้นผลดำเนินงานขาดทุน แล้วก็จะกลับเข้าสู่วงจรขาขึ้นรุนแรงใหม่ สลับกันเช่นนี้ไปเรื่อย ดังนั้น ใครเอางบแค่ 2-3 ปี มาดูก็จะเข้าใจผิดว่าเป็นหุ้นเติบโตสูง  หรือในช่วงแย่ก็นึกว่าเป็นหุ้น Sunset คือ ชีวิตธุรกิจจบสิ้นแล้ว  ซึ่งจะกลายเป็นการมองผิดพลาดเป็นอย่างมาก  แต่เมื่อเรียงงบ 5 ปี ก็จะเห็นได้ถึงพฤติกรรมของวัฏจักรได้ชัดเจนครับ

ตัวเลขยอดรายได้ และกำไรสุทธิที่นำมาดู ควรเป็นรายได้และกำไรที่เป็นปกติของการดำเนินธุรกิจ  ไม่ใช่ฟลุค ที่เป็นรายการพิเศษครั้งเดียว เช่น  ขายที่ดินกำไรครั้งเดียวโดยไม่ได้มีอาชีพจัดสรรที่ดิน  หรือกำไรจากการแก้ไขปัญหาหนี้แล้วเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ เป็นต้น

3.ดูตัวเลขที่แสดงว่าบริษัทนี้มีคุณภาพกำไรในอัตราที่ดีหรือไม่ 

นอกเหนือไปจากเราจะดูตัวเลขกำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น ที่อยู่บรรทัดล่างของงบกำไรขาดทุนแล้ว คงต้องเอาตัวเลขมาหารหาอัตราส่วนกำไรด้วย เช่น กำไรสุทธิหารด้วยยอดรายได้ (Net Profit Margin) กำไรสุทธิหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)

ธุรกิจที่ดี ควรมีอัตรากำไรที่สูง และเทียบยาวๆ  5 ปี อัตรากำไรไม่หดแคบลง ถ้ามีเวลาอีกนิด น่าจะลองไปดูของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันจะเห็นได้ชัดขึ้นครับ

ควรเลี้ยวไปเหลือบมองงบกระแสเงินสดสักนิดครับ ในบรรทัดที่เขียนว่า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน  หรือพูดง่ายๆ คือ เงินสดจากกำไรของกิจกรรมค้าขายที่บวกกับบรรดาค่าเสื่อมราคาที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ต้องเงินออกไป (เพราะซื้อมาก่อนแล้ว) และไม่รวมการลงทุนต่างๆ ไม่รวมการกู้ยืมหรือคืนเงินกู้  ในบางรายที่โชว์ว่ามีกำไรสุทธินั้น แต่พอไปดูบรรทัดเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานกลับติดลบ กรณีนี้ ถ้าเรายังจะสนใจหุ้นนี้  ก็คงต้องเพิ่มการบ้าน  ให้ไปเจาะดูเพิ่มอีก เช่น  ดูว่ามียอดลูกหนี้สูงขึ้นมากใช่ไหม  หรือสต็อคสินค้าคงเหลือในบริษัทพุ่งขึ้น จึงทำให้ตัวเลขกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ ถ้าเป็นเช่นที่ว่านี้ ดูไม่สวยงามนัก ท่านอาจต้องพิจารณาเพิ่มให้ดีว่า ลูกหนี้มีปัญหาค้างชำระเกินสมควรหรือไม่ และทำไมสต็อควัตถุดิบและสินค้าพุ่ง เป็นเพราะขายไม่ออกหรือไม่ครับ 

กรณีที่กล่าวไปนี้  เรายังไม่นับรวมกรณีตุกติกทางบัญชี  ซึ่งต้องเรียนว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะจับทันได้ทั้งหมดจากการดูในงบการเงินที่แจ้งออกมา  นักลงทุนและนักวิเคราะห์คงต้องพยายามเลือกหุ้น โดยค้นหาประวัติและพฤติกรรมที่ผ่านมาของผู้บริหาร ทีมงาน กรรมการ และผู้ถือหุ้นหลัก ซึ่งก็คงกรองได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายที่เขาเนียนกริ๊บ แสดงหลักฐานว่ามียอดขาย มีใบเสียภาษีต่างๆ ยืนยันอีกด้วย 

4.ความเสี่ยงและสภาพคล่องทางการเงิน 

โดยหลักแล้ว บริษัทที่มีหนี้น้อย ส่วนของทุนมาก และบริหารโครงสร้างการเงินดี ย่อมมีความเสี่ยงที่ต่ำ มีแรงทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอหรือถดถอยได้ดี ให้ดูอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ตัวเลขที่ต่ำเป็นตัวเลขที่สบายใจในแง่ความเสี่ยงทางฐานะการเงิน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่แข็งแรงและมีการเติบโตดีจริง อาจไม่ใช้สัดส่วนนี้ต่ำมากๆ เนื่องจากความจำเป็นต้องขยายงาน และในความเป็นจริง ต้นทุนดอกเบี้ยกู้นั้น ต่ำกว่าต้นทุนที่ถูกเรียกร้องจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of Equity ) ดังนั้น เราอาจเห็นบริษัทดีๆ มีสัดส่วนเกิน 1 เท่าไปบ้าง อาจจะใกล้ 2 เท่าก็ไม่ต้องตกใจ แต่หากเห็นกิจการที่กำไรไม่ค่อยดี แล้วมีระดับ D/E 3-4 เท่า อันนี้น่าเสียวไส้ครับ เพราะเป็นการแบกความเสี่ยงทางการเงินที่สูงเมื่อเทียบกับพลังในการสร้างกำไรมาจ่ายคืนหนี้   และหากมีสถานการณ์ธุรกิจชะลอหรืออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นไปมาก ภาระนี้ก็คงหนักหนาขึ้น โอกาสทำกำไรก็จะยิ่งยากเป็นเท่าตัว

ในเรื่องหลักเกณฑ์อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนใกล้ 1 เท่านี้  ไม่ไปใช้กับธุรกิจธนาคาร  ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องระดมหนี้จากเงินฝาก เอามาเป็นสินค้าที่เอาไปขาย (ปล่อยกู้)  และกินส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย  ทำให้อัตราส่วนจะไปเกือบ 10 เท่านะครับ  วิธีวิเคราะห์งบธนาคารจะมีหลักเกณฑ์และรายละเอียดแตกต่างไปจากธุรกิจอื่นมาก ในวันนี้เรายังไม่เข้าไปเขียนถึงครับ

กรณีที่ค่า D/E สูง อาจต้องดูอัตราส่วนสภาพคล่องการเงินระยะสั้นอีกสักนิด ที่เรียกว่า Current Ratio นั่นคือ ในงบดุล ให้เอาบรรทัดสินทรัพย์หมุนเวียนมาหารด้วยหนี้สินหมุนเวียน โดยทั่วไปเราคงต้องการให้เกิน 1 เท่า เพื่อให้พอหมุนเวียนจ่ายหนี้ระยะ 1 ปีทัน  เงินไม่ช็อตไปเสียก่อน 

แต่ถ้าจะเอาให้ชัวร์ ควรไปถึงขั้นใช้ Quick Ratio คือ สินทรัพย์หมุนเวียนที่ไม่นับรวมสินค้าคงเหลือในมือ แล้วหารด้วยหนี้สินหมุนเวียนเเบบเต็มคาราเบล ตัวเลขก็จะต่ำกว่า Current Ratio ลงไปบ้าง  ซึ่งเป็นวิธีที่คัดกรองความเสี่ยงทางสภาพคล่องได้มั่นใจขึ้น โดยเฉพาะกรณีของกิจการที่แอบมีสินค้าคงเหลือเกินปกติ ถ้าคำนวณ Quick Ratio ตัวเลขจะลดฮวบลงมาเยอะเช่น Current Ratio อยู่ที่ 1.1 แต่ Quick Ratio ทรุดมาที่ 0.7 เป็นต้น

5.ตรวจตัวเลข ลูกหนี้ สินค้าคงเหลือ ว่าดูเป็นปกติดี ตัวเลขเหล่านี้ถ้าดูอันตราย มักเป็นจุดเริ่มต้นของหุ้นที่จะมีปัญหา

ปกติจะมีตัวเลขที่ขยายสอดคล้องไปกับการเติบโตของการขาย  ซึ่งอาจเร็วช้ากว่ากันนิดหน่อยได้  แต่กรณีที่ต้องระวัง คือการพุ่งขึ้นพรวดพราดของยอดลูกหนี้  และหรือสินค้าคงเหลือ  เช่น ยอดขายเพิ่มขึ้น 10% แต่ยอดลูกหนี้พุ่งขึ้น 70 % อันนี้ท่านลองไปดูคำอธิบายในเอกสาร คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A) ที่เขาส่งมาพร้อมงบการเงิน  อาจอธิบายไว้ในนั้น ท่านต้องชั่งใจดูว่า คำอธิบายสมเหตุผลน่าสบายใจไหม  และถ้าไม่มีคำอธิบาย  ผมว่าเราต้องระวังครับ

ลองคำนวณตัวเลขลูกหนี้เทียบระยะเป็นจำนวนวันหรือเดือนของการขาย เช่น ถ้ามียอดขาย ปีละ 2,400 ล้านบาท  เท่ากับเฉลี่ยได้เดือนละ 200 ล้านบาท แต่มียอดลูกหนี้พุ่งขึ้นเยอะเป็น 1,200 ล้านบาท  เมื่อเอายอดลูกหนี้หารด้วยยอดขายต่อเดือน  ปาเข้าไปประมาณ 6 เดือน ถือว่าค้างกันนานมาก ลองมองปีก่อนเทียบกัน ว่าพุ่งมาจากระดับกี่เดือน  และหรือดูลักษณะธรรมชาติทางธุรกิจของเขาว่าเป็นการขายของเงินผ่อนประชาชนหรือไม่  ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่าอาจมีปัญหาลูกหนี้เกิดขึ้นครับ

คำนวณตัวเลขสินค้าคงเหลือว่าค้างผิดปกติหรือไม่ โดยเทียบระยะเป็นจำนวนวันหรือเดือนของต้นทุนสินค้าขาย  โดยทั่วๆ ไป น่าจะคงเหลือไว้ไม่นานไปกว่า 2-3 เดือน ขึ้นกับลักษณะธุรกิจ  ถ้าคงเหลือค้างนานเท่ากับรอขายครึ่งปี แบบนี้ต้องไตร่ตรองดีๆ ว่ามีคำอธิบายที่สมเหตุผลหรือไม่ครับ  ผมจำได้ว่าเคยมีเคสที่มีปัญหา เป็นหุ้นในอดีตรายหนึ่งเมื่อสัก 15 ปีก่อน ที่ทำธุรกิจโชว์รูมรถหรูนำเข้า  มียอดสินค้าคงเหลือนาน 6-7 เดือน ซึ่งผมก็รู้สึกแปลกใจมาก เพราะโดยทั่วไปน่าจะเป็นการจองโดยมีแค่รถโชว์ไม่กี่คัน  ซึ่งต่อมาหุ้นนี้มีปัญหามากมายหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องสินค้าคงคลังกลายเป็นสินค้าทิพย์เกือบทั้งหมด คือไม่มีสต็อคอยู่จริง

ทั้งหมดนี้ เป็นเทคนิคอ่านงบแบบกระชับ 5 ข้อ ที่ผมหวังว่าจะช่วยให้นักลงทุนได้นำไปใช้คัดกรองให้ได้หุ้นที่ดี หนีหุ้นที่แย่ได้พอสมควร และหากว่านักลงทุนอยากสบายง่ายกว่านี้ ผมแนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานของนักวิเคราะห์ที่มีใบอนุญาตในสังกัดบริษัทหลักทรัพย์ ที่ได้ร่วมกันส่งข้อมูลดังกล่าวมาให้สมาคมนักวิเคราะห์ฯร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมไว้ภายใต้หัวข้อ ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ (IAA Consensus) อยู่ในเว็บไซต์ settrade กว่า 300 หุ้น ดูตาม Linkนี้ ก็ได้ครับ

https://www.settrade.com/th/research/iaa-consensus/main

อ่านข่าวต้นฉบับ:

อมรินทร์ทีวี ทันข่าวได้ที่

เว็บไซต์:www.amarintv.com

เรื่องธุรกิจที่ :ติดตาม SPOTLIGHT มองขาดทุกโอกาสธุรกิจ

OTHER NEWS

8 minutes ago

Zoopla founder’s used car sales app Cazoo calls in administrators

8 minutes ago

Fans are obsessed with Demi Moore’s tiny dog Pilaf at Cannes 2024

8 minutes ago

Why ‘Real-life Martha’ from Baby Reindeer may not have been lying about her degree

9 minutes ago

New York's high court upholds requiring insurance to cover medically necessary abortions

9 minutes ago

Music Review: Twenty One Pilots' concept album 'Clancy' is an energizing end of an era

9 minutes ago

British man may have suffered fatal heart attack when turbulence hit Singapore Airlines flight

11 minutes ago

Woman charged with 11 counts in mass casualty crash that killed 2

11 minutes ago

Investigation underway into shooting involving deputy in Montgomery County, MCSO says

11 minutes ago

3-year-old boy found wandering alone in Spring neighborhood and MCSO is trying to locate parents

11 minutes ago

Scientists Have Decoded the Secret History of the Mysterious ‘Tree of Life’

11 minutes ago

McDonald's announces huge Happy Meal shake-up with four new menu items added

11 minutes ago

The unspoken Chelsea Flower Show dress code that anyone can try this summer

11 minutes ago

Lakers Could Send Too Many Assets For Jarret Allen In This Proposed Trade

11 minutes ago

Amazon is having a massive Skechers sale — 19 deals I'd get from $17

11 minutes ago

Doctor explains why just reducing calories probably won't help you lose body fat

11 minutes ago

Terrifying rise of horse-tranquiliser ketamine as UK's party drug of choice laid bare after boxer batters his own mother to death while in a 'k-hole'

11 minutes ago

Full list of London Underground stations set to receive phone signal by the end of this summer: Is YOUR station on the list?

12 minutes ago

Titans' Brian Callahan on QB Will Levis: He 'wants to do whatever it takes to be a great player'

12 minutes ago

Google is letting retailers include 3D images in AI-generated ads

12 minutes ago

Morgan Stanley says shares of this Nvidia supplier could pop if AI leader gives a good forecast

12 minutes ago

Soccer-Portugal's 26-man squad for Euro 2024

12 minutes ago

Five Favorites: Brandon Montour has love for lacrosse and appreciation for Don Cherry on VHS

12 minutes ago

Prince William joins forces with Beatrice, Eugenie, Zara and Mike to cover Charles at party

12 minutes ago

Aston Villa star Moussa Diaby's 68mph thunderbolt against Wolves wins the Premier League's most powerful goal of the season... fending off Eberechi Eze's stunner on the final day against Unai Emery's side

12 minutes ago

Travis Kelce reveals his prediction for Jake Paul vs Mike Tyson - and immediately regrets his pick

12 minutes ago

Prince Harry's lawyers are admonished by a High Court judge for trying 'to shoot at "trophy" targets' as they lose bid to drag Rupert Murdoch into hacking trial against The Sun publisher

17 minutes ago

Nestle to target American Ozempic, Wegovy users with US$5 pizzas

17 minutes ago

24-year-old Mississauga man killed in northwestern Ontario crash

17 minutes ago

Saskatoon K9 team takes down man with machete over long weekend: police

18 minutes ago

Fred Roos Dies: Oscar-Winning ‘Godfather Part II’ Producer And Longtime Coppola Collaborator Was 89

20 minutes ago

NFL analyst suggests Denver Broncos look into signing free-agent WR

20 minutes ago

Colin Graves says Yorkshire must seek private ownership to survive

20 minutes ago

Hursey 'shocked' but 'excited' by Olympic qualification

20 minutes ago

MTN's Record-Breaking Stride: Unleashing Connectivity in Limpopo and Mpumalanga

20 minutes ago

WATCH: Baby Reindeer's real-life 'Martha' targeted UK Labour leader Keir Starmer

20 minutes ago

Tesla investors urge shareholders to vote against Elon Musk’s $56bn payday – and slam board for failing to curtail him

20 minutes ago

Check Your Pantry: Over 30 Pretzel Products Recalled Nationwide Due to Salmonella Risk

20 minutes ago

Eli Lilly stock hits new highs after a regulatory win in China. This is a big deal

20 minutes ago

Singapore Airlines: Four Irish passengers on horror flight which killed one man and left 30 injured after severe turbulence

20 minutes ago

Win a revolutionary new toothbrush hamper from Balene

Kênh khám phá trải nghiệm của giới trẻ, thế giới du lịch