เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแช่มช้อย อายุ 58 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป พร้อมด้วย น.ส.ณัฐสุดา อายุ 36 ปี ลูกสาวและลูกเขย ชาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้ถือเอกสารใบแจ้งความ สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารการทำบัญชีย้อนหลัง พบว่าเงินในบัญชี 290,000 บาท หายเกือบหมดบัญชี เหลือให้ดูต่างหน้าเพียง 16.69 บาท มาร้องขอความเป็นธรรม
สะใภ้มหาภัย! สาวใหญ่เข่าแทบทรุด เก็บเงินมา 30 ปี ถูกแอบถอนสูญร่วม 3 แสน
นางแช่มช้อย เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปปรับสมุดบัญชีที่ธนาคาร และต้องการที่จะเบิกเงินมาเป็นค่าเทอมให้กับหลานอายุ 3 ขวบเตรียมเข้าอนุบาล 1 และหลานอีกคนหนึ่งที่จะเข้ารับปริญญาตรี ก่อนพบว่าเงินในบัญชีเหลือแค่ 16.69 บาท นาทีนั้นเข่าแทบทรุด ลมแทบจับ หูอื้อไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเงินทั้งหมดหายไปไหน และเป็นเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต ซึ่งตนจำได้ว่าได้ถอนครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2566 จำนวน 20,000 บาท และเหลือเงินอยู่ 290,000 บาท โดยลูกสาวเป็นคนพาไป ซึ่งใช้บัตรกดกับตู้ธนาคาร หลังจากนั้นก็เก็บบัตรกดเงินไว้อย่างดี ก่อนจะมารู้อีกทีหนึ่งว่าบัตรดังกล่าวได้หายไปตอนไหนก็ไม่รู้
นางแช่มช้อย เผยอีกว่า ก่อนหน้านั้นเคยให้ลูกสะใภ้ไปกดให้ จึงมีแค่สองคนเท่านั้นที่รู้รหัสผ่านบัตรกดเงิน จึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการปรับสมุดบัญชีแล้ว พบว่าเงินเริ่มถูกถอน ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2566 จนมาถึงเดือน ม.ค. 2567 รวม 20 ครั้ง ครั้งละ 10,000 ถึง 20,000 บาท โดยยอดสุดท้ายที่มีการถูกกดออกไป 800 บาทเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และมารู้ตัวอีกทีว่าเงินหาย เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนสงสัยลูกสะใภ้ เพราะอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันมาโดยตลอด แล้วที่ระยะหลังจากทะเลาะกับลูกชายเลิกรากันซึ่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาคนผิดมาลงโทษให้ได้
น.ส.ณัฐสุดา เผยว่า ยืนยันว่าได้พาแม่ไปกดเงินจริง ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเป็นเงิน 20,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ไปกดเงินอีกเลย ซึ่งก่อนหน้านั้นแม่เคยไหว้วานลูกสะใภ้ไปกดเงินให้ ซึ่งตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งตนและสะใภ้ เพื่อตามหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งตนก็ได้พาแม่ไปธนาคารเพื่อขอตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง พบว่าเงินได้มีการไปถอนออกตามตู้ธนาคารภายในอำเภอสีคิ้วหลายตู้ แต่ตู้กดเงินธนาคารสามารถที่จะบันทึกภาพวิดีโอคนกดเงินได้เพียงแค่ 60 วัน จึงไม่สามารถที่จะเห็นหน้าคนร้ายได้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตาม สอบปากคำผู้ต้องสงสัย รวมไปถึงตนด้วย เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับแม่ โดยเงินดังกล่าวที่แม่เก็บไว้ทั้งชีวิตต้องการที่จะนำมาใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิตและเลี้ยงหลาน และจากการสังเกตช่วงที่ผ่านมาพบว่าน้องสะใภ้มีการใช้จ่ายค่อนข้างฟุ่มเฟือย จึงอยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน เพื่อหาความผิดมาลงโทษให้ได้
News Related-
สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน
-
สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก
-
ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4
-
อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา
-
'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ
-
TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น
-
“นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน
-
มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน
-
น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)
-
เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล
-
กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา
-
SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร
-
สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด