สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกของปี 2567 เผชิญกับภาวะทรงตัว แม้จะมีปัจจัยเชิงบวกบางประการ เช่น เทศกาลมหาสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับไม่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเหล่านี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจัยหลายด้าน บทความนี้ นำเสนอภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน วิเคราะห์ปัจจัยที่กดดันตลาด และเสนอ กลยุทธ์การลงทุน 5 ประการ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดหุ้นทรงตัว
สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
หลังจากผ่านพ้นมาหนึ่งไตรมาสของปี 2567 ตลาดหุ้นไทยยังคงรั้งท้าย สำหรับอัตราผลตอบแทนการลงทุนในเอเซีย แม้ว่าจะผ่านเทศกาลมหาสงกรานต์ ซึ่งต้องยอมรับว่า เราจัดงานได้ยิ่งใหญ่สมกับได้รางวัลด้านวัฒนธรรมจาก UNESCO แต่ดูเหมือนปัจจัยเหล่านี้ที่จะผลักดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวสูงขึ้นยังไม่เพียงพอ
หากพิจารณาด้านปัจจัยพื้นฐานปัจจุบัน ทีมวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1,539 จุด โดยกำไรปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 16% แต่ดูเหมือนยังไม่สามารถดึงดูดใจเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้เท่าไร
อย่างไรก็ดี นักลงทุนไทยเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักกับบรรยากาศการลงทุนที่ดูไม่มีทิศทางเท่าไร
ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเซียที่ทยอยปรับตัวขึ้นห่างจากดัชนีของตลาดหุ้นไทยไปเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูตกอยู่ในวังวน แม้ว่ามูลค่าพื้นฐานหุ้นโดยส่วนใหญ่นั้นเข้าข่ายถูกแล้วก็ตาม
นักลงทุนจะลงทุนอย่างไรดี หากราคาหุ้นพื้นฐานถูก แต่ราคาหุ้น และตลาดยังคงทรงตัวและไร้วี่แววของเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งนักลงทุนไทยคงต้องรอรัฐบาลไทยเห็นความสำคัญของตลาดทุน และสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ดังเช่น รัฐบาลจีน และเกาหลีใต้ ที่พิจารณาว่า ตลาดหุ้นของตนเองนั้น ควรทำอย่างไรให้เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน
ก่อนหน้านี้ ผมเคยประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในครึ่งปีแรก ทั้งนี้เนื่องจากการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังไม่มีทิศทางชัดเจน มูลค่าการส่งออกของไทยยังพบอุปสรรคแรงเสียดทานจากประเทศคู่แข่ง
การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ยังไม่กระจายพื้นที่ในวงกว้าง การเบิกงบประมาณยังล่าช้า ซึ่งภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังทรงตัวตามภาพที่เราประเมินไว้เดิมในกรอบ 1,350-1,420 จุด
ดังนั้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนขณะนี้ หลักทรัพย์บัวหลวง ขอแนะนำกลยุทธ์ ดังนี้
5 กลยุทธ์สร้างผลตอบแทนการลงทุน
- การลงทุนผ่านหุ้นกู้เอกชน แต่ขอให้พิจารณาในระดับ investment grade โดยคาดหวังว่า จะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ และปีหน้า
- การลงทุนแบบมืออาชีพด้วยการจัดพอร์ตลงทุนแบบ BLS Top Funds Portfolio ซึ่งมีการกระจายเม็ดเงินลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่น ๆ และสินทรัพย์อื่น ๆ นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย โดยมีคัดสรรกองทุนที่ยอดเยี่ยมอันดับต้น ๆของกองทุนแต่ละสินทรัพย์ พร้อมการปรับพอร์ตอัตโนมัติ (rebalance) ปัจจุบันให้เลือกลงทุน 3 ประเภท 6 พอร์ตการลงทุน
-
การลงทุนแบบมืออาชีพแบบ DCA MIX คือ การลงทุนผ่าน ETF หรือ DR ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง
เพื่อกระจายความเสี่ยง และพิจารณาการลงทุนผ่านระบบ private fund
- การลงทุนผ่าน Equity Linked Notes (ELN) & Fixed Coupon Notes (FCN) ซึ่งเป็นตราสารลงทุนที่สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหุ้น เหมาะกับภาวะตลาดหุ้นทรงตัวขาดโมเมนตัม มูลค่าพื้นฐานเข้าเขตโซนถูก นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากผู้แนะนำการลงทุนของท่าน
- ส่วนธุรกิจที่คาดว่า กำไรจะเติบโตในช่วง 1H67 คือ กลุ่มผลิตอาหาร เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น
กราฟอัตราผลตอบแทนการจัดพอร์ตกลยุทธ์ BLS Top Funds Portfolio กับดัชนีตลาดหุ้นไทยจากต้นปี 67
สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
ที่มา : หลักทรัพย์บัวหลวง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงทรงตัวในไตรมาสแรกของปี 2567 แม้จะมีปัจจัยบวกบางประการ เช่น เทศกาลมหาสงกรานต์
- นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1,539 จุด โดยกำไรปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 16%
- ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้าน เช่น นักลงทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจ เศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้า การท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า ฯลฯ
- นักลงทุนไทยควรจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับ:
อมรินทร์ทีวี ทันข่าวได้ที่
เว็บไซต์:www.amarintv.com
เรื่องธุรกิจที่ :ติดตาม SPOTLIGHT มองขาดทุกโอกาสธุรกิจ