สงครามใหญ่แย่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจไทยชงแผนแม่บทต่อยอดวีซ่าฟรี

สงครามใหญ่แย่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจไทยชงแผนแม่บทต่อยอดวีซ่าฟรี

ภาพประกอบข่าว

“วีซ่าฟรี” สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จุดพลุท่องเที่ยวไทย ภาคเอกชนชี้เป็นยาแรงที่สุด ชงรัฐบาลเร่งทำ “มาสเตอร์แพลน” พัฒนาท่องเที่ยวยั่งยืน ผนึกทุกกระทรวงพัฒนาซัพพลายไซด์ ทั้งแหล่งท่องเที่ยว สนามบิน ระบบคมนาคม จนถึงบุคลากรรับนักท่องเที่ยว 40-60 ล้านคน แก้ปมท่องเที่ยวกระจุกเมืองหลัก ลั่นทั่วโลกเปิด Tourism war game แย่งชิงนักท่องเที่ยว ย้ำเข้าไทยทะลัก ปัญหาใหญ่คือท่องเที่ยวโตไม่เต็มศักยภาพ แนะปรับโครงสร้างใหม่ทั้งระบบ สร้างสมดุลควบคู่พัฒนา ชี้ถ้าไม่แก้ปัญหาต่าง ๆ นโยบายวีซ่าฟรีก็อาจไร้ประโยชน์

สงครามใหญ่แย่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจไทยชงแผนแม่บทต่อยอดวีซ่าฟรี

ภาพประกอบข่าว

“ประชาชาติธุรกิจ” จัดเสวนา Prachachat In Depth หัวข้อ “วีซ่าฟรี” จุดพลุท่องเที่ยวไทย…เดินต่ออย่างไรให้ยั่งยืน ! เพื่อประเมินผลตอบรับจากมาตรการของรัฐบาล แนวโน้มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และถึงข้อเสนอแนะในการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมีผู้ร่วมเสวนา 2 คน ได้แก่ ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)

“วีซ่าฟรี” ยาแรง-ทรงพลัง

ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า การปลดล็อกเรื่องวีซ่าด้วยการให้วีซ่าฟรีครั้งนี้ของรัฐบาลถือเป็นยาตัวที่แรงที่สุด มีประเทศที่ยกเว้นวีซ่ามากที่สุด ทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาได้เร็วที่สุดหลังจากเปิดประเทศ

แต่ประเด็นความท้าทายคือ เมื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว ประเทศเรามีการบริหารจัดการด้านซัพพลายไซด์รองรับอย่างไร หรือมีความพร้อมในการรองรับได้แค่ไหน และจะบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอย่างไรเพื่อไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงแค่ 7-10 จังหวัดหลัก เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

รวมถึงจะทำให้เกิดโอกาสทางการค้า การลงทุนที่มากับการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร และจะมีมาตรการกระจายนักท่องเที่ยว กระจายรายได้ และทำให้การท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างไร

“กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวของไทยพยายามพูดถึงเมืองรอง 55 จังหวัด แต่วันนี้การเคลื่อนตัวของนักท่องเที่ยวไปเมืองรองก็ยังมีไม่มาก สุดท้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงกระจุกตัวอยู่เมืองหลักไม่กี่จังหวัดเหมือนเดิม” ดร.อดิษฐ์กล่าว

ชงทำ “มาสเตอร์แพลน”

ดร.อดิษฐ์กล่าวด้วยว่า นโยบายหลักของภาคการท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังวัดผลเพียงแค่ “ตัวเลขรายได้” และ “จำนวนนักท่องเที่ยว” เป็นหลัก ไม่ได้มองในด้านการพัฒนาในเชิงโครงสร้าง และการพัฒนาเรื่องความยั่งยืน ขณะที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2025 หรือปี 2568 ให้การท่องเที่ยวเป็น “วาระแห่งชาติ” ดังนั้น ประเทศไทยควรหันกลับมามองโครงสร้างพื้นฐาน และความยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

โดยจัดทำหรือมีแผนแม่บท “Thailand Tourism Carrying Capacity” หรือแผนการพัฒนาท่องเที่ยวระยะยาว เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มเป็น 40 ล้านคน 50 ล้านคน หรือ 60 ล้านคนในอนาคต พร้อมทั้งมีดัชนีชี้วัดในฝั่งซัพพลายเพื่อเอาดีมานด์ไซด์มาใส่ เพื่อให้แต่ละพื้นที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสอดรับกับศักยภาพในการรองรับและเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย

เช่น ภูเก็ต มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 14 ล้านคน ต่อไปใน 1 ปี ภูเก็ตไม่ควรรับนักท่องเที่ยวเกิน 14 ล้านคน เพราะถ้าเกินจะเป็นการสร้างปัญหาให้เมือง อาทิ น้ำประปา-ไฟฟ้าไม่เพียงพอ การจราจรติดขัด เป็นต้น

“เมืองอื่น ๆ รวมถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวในระดับที่เท่าไหร่ เมื่อทุกจังหวัดมีตัวเลขการรองรับที่ชัดเจน เราก็จะสามารถบริหารจัดการนักท่องเที่ยวลงไปให้เหมาะสม และไม่เกิดผลกระทบกับคนในพื้นที่” ดร.อดิษฐ์กล่าว

กระจายนักท่องเที่ยว-รายได้สู่เมืองรอง

รวมถึงการมีกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในการพัฒนาซัพพลายไซด์ด้านการท่องเที่ยว ให้สอดรับกับศักยภาพทั้งในส่วนของโรงแรม สนามบิน ระบบคมนาคมขนส่ง การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จนถึงบุคลากรที่มีศักยภาพ ฯลฯ

นอกจากนี้ ควรมีอินเซนทีฟจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบินตรงลงเมืองรอง เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก และลดความแออัดของสนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ขณะเดียวกันยังทำให้สามารถกระจายนักท่องที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน เช่น กรณีเมืองฟุกุชิมะเกิดปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตอนนั้นเข้าญี่ปุ่นยังต้องขอวีซ่า แต่ครั้งนั้นญี่ปุ่นใช้มาตรการยกเว้นวีซ่าให้สำหรับคนที่เดินทางเข้าเมืองฟุกุชิมะ เช่นเดียวกับกรณีของจีนที่ต้องการยกระดับเมืองไหหลำ ขึ้นมาแทนฮ่องกง ในช่วงที่เดินทางเข้าจีนยังต้องขอวีซ่า จีนก็ยกเว้นวีซ่าให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าไหหลำ เป็นต้น

ดร.อดิษฐ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าการประกาศให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติในปี 2568 นั้น การท่องเที่ยวจะสร้างคุณภาพชีวิตให้คนไทยทั้งประเทศอย่างไร และทำให้คนไทยทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ทำอาชีพท่องเที่ยวก็ต้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย

สงครามแย่งนักท่องเที่ยว

ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า วีซ่าฟรีเป็นนโยบายที่ทรงพลังมากที่สุด และเห็นผลชัดเจนทันที อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เปิดประเทศหลังโควิด ทุกประเทศทั่วโลกต่างใช้ภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงมาตรการวีซ่าฟรี ส่งผลให้เกิดสงครามแย่งชิงนักท่องเที่ยว หรือ Tourism War Game เพราะหลายประเทศก็หันมาใช้นโยบายวีซ่าฟรีเช่นกัน เพราะหลาย ๆ ประเทศก็มีปัญหาเศรษฐกิจ ก็หันมามุ่งเน้นใช้การท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อยากได้ 60 ล้านคนต้องทำ 5 ข้อ

ถ้าต้องการนักท่องเที่ยว 40-60 ล้านคน ประเทศไทยต้องปรับปรุงวิธีการจัดการใหม่ทั้งหมด เพื่อรักษาสมดุลควบคู่การพัฒนา กลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง จะต้องทำดังนี้ 1.ต้องมีนักท่องเที่ยว MICE ให้ได้ 10 ล้านคน 2.ยกระดับไทยให้เป็นเมืองเกษียณโลก 3. ขายกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเป็นคลัสเตอร์ 4. ทำแผน Customer journey 5.ต้องมีตัวชี้วัดผลงานการท่องเที่ยวระดับชาติทุกกระทรวง

โดยสิ่งที่ สทท.นำเสนอมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ Redesign หรือการปรับโครงสร้างธุรกิจท่องเที่ยวใหม่ เพื่อสร้างสมดุลในหลาย ๆ มิติ ตอบโจทย์ให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน อาทิ สมดุลเมืองหลัก-เมืองรอง หรือการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ หรือ Over-under Tourism ในเมืองท่องเที่ยวหลักสมดุลในด้านสินค้า ลดการพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยว Man-made และเพิ่มโฟกัสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจและไมซ์ ฯลฯ เป็นต้น

“วันนี้เรื่องของดีมานด์ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยไม่ใช่ปัญหา ประเด็นคือเราต้องมาดูด้านซัพพลายไซด์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง โดยที่ผ่านมาอาจมีการพูดเชิงนโยบาย แต่ยังขาดการปฏิบัติ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว

รวมถึงไกด์ที่มีคุณภาพ ห้องน้ำ จุดพักรถ บริการสาธารณะต่าง ๆ โดยที่ผ่านมานักท่องเที่ยวยังกระจุก ไม่กระจาย ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าการเดินทางไปเมืองรองยังไม่สะดวก รวมถึงการใช้บริษัทนำเที่ยวเป็นตัวช่วยในการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ที่ต้องการกระจายรายได้ลงไป” นายชำนาญกล่าว

ท่องเที่ยวไทยโตไม่เต็มศักยภาพ

นายชำนาญกล่าวอีกว่า ส่วนตัวตนมองว่าวันนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตได้ไม่เต็มศักยภาพ กล่าวคือยังสามารถผลักดันให้เติบโตได้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก โดยไม่สร้างปัญหาและไม่เกิดความแออัด เพียงแต่ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง หรือหลักการ Redesign การท่องเที่ยวใหม่

อาทิ การโปรโมตคลัสเตอร์เพื่อการท่องเที่ยว เช่น คลัสเตอร์ 6 จังหวัดอันดามัน คลัสเตอร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ฯลฯ และใช้การตลาดเป็นตัวชี้นำ เพื่อกระจายโอกาสของเมืองรองที่อยู่รอบเมืองหลัก

รวมถึงเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบของ Man-made Attraction และมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น ที่เสนอให้จังหวัดพังงา เป็น “เมืองเกษียณโลก” การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจและไมซ์ การท่องเที่ยวชุมชน ฯลฯ เพื่อสร้างสมดุลในด้านสินค้า ลดการพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังขอเสนอให้รัฐบาลช่วยดูแลด้านซัพพลายไซด์ด้วยการเติมทุน เติมนวัตกรรม เติมความรู้ให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวประมาณ 90% เป็น SMEs มีโอกาสเดินหน้าควบคู่ไปกับการกระตุ้นการท่องที่ยว และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวจะกลับมาเป็น 40 ล้านคน หรือ 50-60 ล้านคนในอนาคต

“จากนี้ไปจะเป็น Tourism War Game แต่ถ้าแก้ปัญหาที่กล่าวมาได้ไม่ดี นโยบายวีซ่าฟรีก็พัง” นายชำนาญกล่าว

เป้า 35 ล้านคนปีนี้ไม่มีปัญหา

นายชำนาญกล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติสำหรับปีนี้ด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าเรื่องของ Customer Journey เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วประทับใจและเกิดการบอกต่อ จะทำให้การเติบโตเชิงจำนวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เรื่องดีมานด์ไซด์เป็นประเด็นที่ไม่น่าเป็นกังวลสำหรับภาคการท่องเที่ยวของไทย

“ผมย้ำมาตลอดว่า ประเด็นที่เป็นปัญหาที่สุดของเราคือ ซัพพลายไซด์ เพราะต้องอาศัยความร่วมมือกับหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯไม่ได้เป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ ททท.ก็ทำบทบาทด้านการตลาดเป็นหลัก” นายชำนาญกล่าว

นอกจากนี้ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคนในปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยเป็นการเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านคน จากปี 2566 ที่มี 28.5 ล้านคน โดยสมาคมประเมินว่าตลาดหลักที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ประกอบด้วย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอินเดีย จะเพิ่มขึ้นตลาดละ 5 แสนคน ไต้หวันเพิ่มขึ้น 3 แสนคน

ขณะที่เกาหลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง รวมกันน่าจะเพิ่มขึ้น 5 แสนคน อาเซียน 5 แสน ส่วนจีนซึ่งเป็นตลาดที่โฟกัสมากที่สุดนั้น ปีนี้น่าจะบรรลุเป้าหมาย 8 ล้านคนได้ จากปี 2566 ที่มีจำนวน 3.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5 ล้านคน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สงครามใหญ่แย่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจไทยชงแผนแม่บทต่อยอดวีซ่าฟรี

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

OTHER NEWS

27 minutes ago

Billie Eilish 'Hit Me Hard And Soft' Brooklyn Listening Party Report

27 minutes ago

Georgia's Russia-Style Law Could Hurt EU Chances: President

27 minutes ago

William: Urgent action on antibiotics resistance is needed for future generations

27 minutes ago

Passport-free ‘FaceBoarding’ trial at airports could mean major changes for how you travel

31 minutes ago

President Putin: Russia open to peace talks on Ukraine, rejects ultimatum

31 minutes ago

UK seeks to build on initial momentum after Great Futures summit in Saudi Arabia

31 minutes ago

Wales’ 20mph speed limit did not improve air quality, study finds

34 minutes ago

Bill Maher Asks “Where’s The Beef” About Reasons For Kendrick Lamar/Drake Feud

35 minutes ago

NWS confirms a tornado touched down northwest of Houston

35 minutes ago

Rassie van der Dussen to lead Proteas in T20I series against West Indies

35 minutes ago

Lightning Sign Gritty Prospect to ELC

35 minutes ago

2024 Hyundai Venue review

35 minutes ago

Smriti props up ‘labharthis’, local connect to woo voters

36 minutes ago

Turning back the clock to 1995: Pacers force Game 7 vs. Knicks at Madison Square Garden

36 minutes ago

Trump allies are planning a "purge" of the Justice Department, hoping to eliminate checks on power

37 minutes ago

Oxford student productions of Shakespeare have a very long history of engaging professionals

37 minutes ago

How did Eurovision 2024 unfold?

37 minutes ago

2024 Qatar Economic Forum Opening Ceremony

37 minutes ago

Study shows olive oil reduces risk of dementia

37 minutes ago

Ramírez's homer in the 8th inning leads Guardians to 3-2 win and sends Twins to 4th straight loss

37 minutes ago

Cassie's husband calls out ‘abusers' after alleged ‘Diddy' assault video

39 minutes ago

1,200 UMass Dartmouth grads surprised with $1,000 in cash from billionaire commencement speaker

40 minutes ago

5 stellar ASX growth shares to buy for strong returns

40 minutes ago

Nelson Cruz hired by MLB as special adviser for baseball operations

41 minutes ago

Pep Guardiola provides Kevin De Bruyne injury update ahead of Man City vs West Ham

41 minutes ago

Over 200,000 visitors descend on Brisbane for major weekend

41 minutes ago

Last of China’s pandas in America will soon be leaving and heading home

41 minutes ago

New endangered listing for rare lizard could slow oil and gas drilling in New Mexico and West Texas

43 minutes ago

‘Blue Bloods’ Last Midseason Finale TV Review: NYPD Family Drama Plays Stays Steady With Some Cynicism, Church & ‘Trainspotting’

44 minutes ago

FWAW's Lauren McNeil addresses rumours she's dating Farmer Bert after his shock exit: 'It's been unexpected'

44 minutes ago

Taylan May: Penrith Panthers player arrested over allegations he punched and kicked a woman in the face in domestic violence incident

44 minutes ago

The 10 Best Comfortable White Sneakers Our Editors Have Walked All Over the World in — Starting at $55

44 minutes ago

Bennett confirms Souths move, open to coaching past 80

44 minutes ago

Lok Sabha polls: More than roti-kapda, makaan plans spooking Mumbai slum areas

44 minutes ago

Jordan Rapana dodges ban, Josh Papalii cops a week

45 minutes ago

Paralympic uniform featuring accessibility modifications launched at Australian Fashion Week

45 minutes ago

"Either Magic Johnson's handling the ball too much or that the chemistry's gone" - When Pat Riley defended the Norm Nixon trade in 1983

46 minutes ago

Jurgen Klopp’s highlights at Liverpool

49 minutes ago

The Dalit vote is not a monolith despite the BSP

49 minutes ago

New study reveals brain clearance of toxins is reduced during sleep and anesthesia

Kênh khám phá trải nghiệm của giới trẻ, thế giới du lịch