"ศศินันท์" ชี้ ปมฟ้อง "โน้ต อุดม" สะท้อนปัญหาบังคับใช้ ม.112 ชัดเจน
“ศศินันท์” ชี้ ปมฟ้อง “โน้ต อุดม” สะท้อนปัญหาบังคับใช้ ม.112 ชัดเจน
“ศศินันท์” สส.ก้าวไกล ชี้ กรณีฟ้อง “โน้ต อุดม” สะท้อนปัญหาบังคับใช้ ม.112 ชัด มอง พิพากษา “ไมค์ ระยอง” โทษสูงเกิน ผิดหวังรัฐบาลไม่สร้างบรรยากาศปูทางสู่นิรโทษกรรม
วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 11 พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นถึงสถานการณ์การใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ล่าสุด หลังเกิดกรณี ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งความดำเนินคดีกับ “โน้ต อุดม แต้พานิช” และศาลมีคำพิพากษาจำคุก 4 ปี ในคดีของ ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” อดีตแกนนำกลุ่มราษฎร
ศศินันท์ ระบุว่า จากกรณีของ โน้ต อุดม ยิ่งทำให้เห็นถึงปัญหาของการนำมาตรา 112 มาใช้ในการสร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันเอง ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการที่ผู้มาแจ้งความดำเนินคดีจะเป็นใครก็ได้เนื่องจากอยู่ในหมวดความมั่นคง ยิ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ประชาชนฟ้องกันเอง และมีการนำมาตรานี้มาใช้ในการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยพร่ำเพรื่อเกินไป
โดยหลักแล้ว การดำเนินคดีอาญาเป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิของประชาชนมากที่สุด เพราะมีอัตราโทษจำคุก จึงไม่ควรถูกนำมาใช้โดยไม่จำเป็น อย่างกรณีของ โน้ต อุดม เกิดจากเพียงแค่ใช้ถ้อยคำว่า “พอเพียง” ซึ่งเป็นการนำคำคำเดียวมาตีความให้เป็นมาตรา 112 โดยผู้ที่จะถูกดำเนินคดีไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการแสดงรูปแบบใดและระดับใดถึงเป็นความผิด
ศศินันท์ กล่าวต่อไปว่า ปกติแล้วตามหลักการดำเนินคดีอาญา อย่างน้อยคนที่ทำจะต้องรู้ว่าขณะที่กำลังทำสิ่งนั้นๆ ถือเป็นความผิด เช่น การฆ่าคนตาย แต่การบังคับใช้มาตรา 112 ที่ผ่านมาไม่ได้มีกรอบที่ชัดเจนขนาดนั้น จึงถูกตีความครอบคลุมในวงกว้างมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น การกระทำที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมาตรา 112 เลย ก็อาจถูกตีความให้เข้าข่ายมาตรานี้ได้
ส่วนกรณีคำพิพากษาของภาณุพงศ์ที่ถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาการใช้มาตรา 112 เช่นกัน ทั้งในประเด็นที่กฎหมายกำหนดให้คนเริ่มต้นคดีเป็นใครก็ได้ กรอบการตีความที่กว้างมาก รวมถึงอัตราโทษซึ่งมาตรา 112 แตกต่างจากกฎหมายอาญามาตราอื่นๆ เพราะมีการกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำให้จำคุก 3 ปี ทำให้ศาลไม่สามารถพิพากษาโทษที่ต่ำกว่า 3 ปีได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับในคดีอื่นๆ เช่น คดีของอานนท์ นำภา ที่ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลเป็นผู้กล่าวเองด้วยซ้ำว่าเพราะกฎหมายกำหนดโทษขั้นต่ำไว้อยู่ หมายความว่าต่อให้ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นที่จะต้องจำคุก 3 ปี แต่ก็ติดที่กรอบกฎหมาย
ศศินันท์ กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เห็นถึงบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ประชาชนคาดหวังให้เกิดขึ้นในรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว เพราะยังคงมีการริเริ่มคดี การดำเนินคดี การตัดสินคดี และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ออกมาปรามเอง ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าบรรยากาศทางการเมืองยังไม่ดีขึ้นจากเดิม
จุดนี้รัฐบาลต้องเร่งคลี่คลายบรรยากาศ ซึ่งในฐานะที่ตนอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญนิรโทษกรรมฯ ขณะที่เรากำลังพิจารณาศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรมกันอยู่ แต่บรรยากาศทางการเมืองยังไม่คลี่คลายลง เช่นนี้แล้วการนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร
“การทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้นจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรมด้วย เพราะระหว่างที่มีการศึกษา แต่อีกฟากฝั่งยังคงถูกกระทำหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ยังร้อนอยู่แบบนี้ จะไม่ได้นำไปสู่การสร้างความปรองดองสมานฉันท์อย่างที่รัฐบาลต้องการในอนาคต” ศศินันท์ กล่าว
ศศินันท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างบรรยากาศให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทำให้ประชาชนรู้สึกได้จริงๆ ว่ามีการเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วจากยุคเผด็จการมาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย โดยต้องกำหนดทิศทางนโยบายให้ชัดเจนว่ารัฐบาลนี้เปิดกว้างให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ โดยจะไม่ถูกปิดปากเหมือนรัฐบาลที่แล้ว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “ศศินันท์” ชี้ ปมฟ้อง “โน้ต อุดม” สะท้อนปัญหาบังคับใช้ ม.112 ชัดเจน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
– Website : www.thairath.co.th
– LINE Official : Thairath