‘พระศรีสัจญาณมุนี’ แจงข้อเท็จจริง มจร ยันไม่ได้ล่าสัตว์ เข้าป่าภูเขียวหาความวิเวก

‘พระศรีสัจญาณมุนี’ แจงข้อเท็จจริง มจร ยันไม่ได้ล่าสัตว์ เข้าป่าภูเขียวหาความวิเวก

พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวว่าถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ สามเณร และคฤหัสถ์กลุ่มหนึ่งเข้าไปล่าสัตว์ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ และปรากฎชื่อพระศรีสัจญาณมุนี รองเจ้าคณะ จ.ชัยภูมิ ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ มจร รวมอยู่ด้วยนั้น ขณะนี้ทาง มจร ได้ดำเนินการให้พระศรีสัจญาณมุนี รายงานข้อเท็จจริงให้ทราบแล้ว โดยในส่วนที่ถูกกล่าวหานั้นทุกรูปได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจแล้ว ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ให้ไปพิสูจน์กันในกระบวนยุติธรรม ในส่วนของมหาวิทยาลัยนั้นก็จะดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อจะได้จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งจะได้ประสานกับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ด้วย

พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับรายงานข้อเท็จจริงของพระศรีสัจญาณมุนี ท่านระบุว่า ตัวท่านเองพร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป สามเณร 2 รูป รวมเป็น 5 รูป ได้ไปศึกษาธรรมชาติ หลีกเร้นเพื่อไปหาความวิเวกบนภูเขาในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2567 ซึ่งต่อมาได้มีลูกศิษย์วัด 4 คน ติดตามขึ้นไปร่วมสมทบ โดยส่วนใหญ่คณะสงฆ์กับลูกศิษย์จะแยกย้ายกันเดินทางและพักแรม ซึ่งบางครั้งจะใช้วิทยุสื่อสารที่ลูกศิษย์เพิ่งซื้อมาในการติดต่อสื่อสารกัน ขณะศึกษาธรรมชาติบางครั้งจะถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวไว้บ้าง และตามที่ปรากฎในข่าวเกี่ยวกับซากกระดูกนั้น เป็นภาพเพียงบางส่วนเท่านั้นที่นำออกมาเปิดเผย ซึ่งแท้จริงแล้วซากกระดูกต่างๆ ที่ปรากฏภาพในข่าวนั้น เพียงเพื่อนำมาแผ่เมตตาบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณสัตว์ที่ล่วงลับไปแล้วที่พบเป็นซากกระดูกเท่านั้น โดยได้บันทึกภาพวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวไว้ แต่ไม่ได้นำออกมาเผยแพร่ และความจริงพระภิกษและสามเณรที่ร่วมเดินทางทั้งหมดไม่มีรูปใดพกพาอาวุธปืนหรืออาวุธใดๆ เพื่อล่าสัตว์ โดยในวันที่ 25 เม.ย. 2567 ขณะกำลังจะเดินลงจากสันเขาหน้าผาทางลง จะมีลูกศิษย์วัดเดินทางล่วงหน้าลงเขาไปก่อน 1 คน ซึ่งตัวท่านยังอยู่บริเวณสันเขา เมื่อได้ยินเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด มีพระมาเรียกไปอยู่ร่วมกันกับสามเณร จากนั้นจึงค่อยๆ หาทางกลับวัดพร้อมพระและสามเณรเป็นระยะเวลาเกือบสว่าง จึงเดินทางกลับถึงวัด พระและสามเณรทั้งหมดไม่ได้พกอาวุธปืนหรืออาวุธใดๆ ไปล่าสัตว์ ส่วนกรณีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ก็ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ท่านยังขออภัยที่ทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง และยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น.