บล.คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนี SET พ.ค.แกว่ง 1,320 – 1,458 จุด เชียร์เก็บ 9 หุ้นเด่น
บล.คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนี SET พ.ค.แกว่ง 1,320 – 1,458 จุด เชียร์เก็บ 9 หุ้นเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุในบทความ ” Sell in May กับตลาดหุ้นไทย” ว่า นิยาม Sell in May and Go Away นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ จะแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ช่วง คือ ฤดูร้อน (พ.ค. – ต.ค.) และฤดูหนาว ( พ.ย. – เม.ย.) โดยนักลงทุนจะขายหุ้นใน พ.ค.ซึ่งเป็นช่วงผ่านฤดูกาลจ่ายเงินปันผล รวมถึงผลประกอบการในช่วง Q1 ซึ่งมักจะเป็นไตรมาสที่กำไรมีแนวโน้มดีสุด และเริ่มชะลอตัวในช่วง Q2 – Q3 กอปรเริ่มในสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยวของสหรัฐ จึงส่งผลให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในช่วง พ.ค. – ต.ค. ก่อนจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งในช่วง ต.ค. – พ.ย.
โดยหากดูจากสถิติของ S&P500 ย้อนหลัง 20 ปี จะพบว่าผลตอบแทนการลงทุนในช่วง พ.ค. – ธ.ค. เฉลี่ยอยู่ที่ 2.4% น้อยกว่าช่วง พ.ย. – เม.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 5.8%
สถิติเฉพาะ พ.ค. ของ S&P500
หากดูจากสถิติ 10 ปีย้อนหลังของ S&P500 พบว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย พ.ค. อยู่ที่ +0.68% ซึ่งมีเพียงช่วง พ.ค. 2019 มีผลตอบแทน -6.58% ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของ Covid-19 กลับกันเมื่อเทียบกับช่วง ก.ย. S&P500 มีผลตอบแทนเฉลี่ยแย่สุด -2.31%
ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่าผลกระทบจาก Sell in May ในตลาดหุ้นสหรัฐช่วง 10 ปีหลังมีผลกระทบด้านลบค่อนข้างน้อย สาเหตุมาจากโครงสร้างรูปแบบธุรกิจมีการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินการได้ต่อเนื่อง ส่งผลลบต่อกำไร บจ.น้อยลงเมื่อเทียบกันในอดีต กอปรกับระบบ Algorithm Trading ยังสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสภาพคล่องตลาดจึงปรับดีขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต
สถิติ Sell in May ของ SET Index
หากดูจากสถิติ 10 ปีย้อนหลังของ SET พบว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย พ.ค. -0.31% เทียบกับค่าเฉลี่ย เม.ย. +1.45% บ่งได้พอสมควรของภาวะ Sell in May โดยสาเหตุหลัก ๆ น่ามาจากราคาหุ้นลดลงหลัง บจ. ได้ผ่านช่วง XD ใน เม.ย. กอปรในช่วงต้นปีผู้บริหาร บจ. และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อผลประกอบการ ก่อนจะมีการทยอยปรับลดประมาณการณ์กำไรในไตรมาสถัด ๆ ไป ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าในช่วง พ.ค. – มิ.ย. ดัชนี SET อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัจจัยเชิงฤดูกาล
กลยุทธ์การลงทุน SET พ.ค.
ฝ่ายวิเคราะห์ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนี SET พ.ค. 67 อยู่ในกรอบ 1,320 – 1,458 จุด คาดจะได้ปัจจัยหนุนจากกำไร บจ. Q1/67 ฟื้นตัวได้ดี QoQ รวมถึง บจ.กลุ่มธนาคาร, สื่อสาร, รพ. ,บรรจุภัณฑ์ รายงานกำไร Q1/67 ดีกว่าตลาดคาด กอปรได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริโภค & ท่องเที่ยว รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ใน พ.ค. โดยความผันผวนจากปัจจัย Sell in May ในปีนี้คาดจะจำกัด เนื่องจากดัชนี SET ค่อนข้าง Laggard เมื่อเทียบกับดัชนีภูมิภาค อย่างไรก็ตามยังต้องระวัง ความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐอาจส่งผลให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกผันผวนได้ รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL,CPAXT จากอุปสงค์การบริโภคในประเทศ & นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวโดดเด่น, กลุ่มอาหาร เช่น GFPT, AAI, ITC อุปสงค์จากลูกค้าต่างประเทศขยายตัวดี และกลุ่มเครื่องดื่ม เช่น ICHI, SAPPE, TACC, OSP ได้ปัจจัยหนุนจากภาวะอากาศร้อน