นภินทร สั่งทูตพาณิชย์ จับตาใกล้ชิดการขนส่งผลไม้ผ่านด่าน เวียดนาม-จีน
นภินทร สั่งทูตพาณิชย์ จับตาใกล้ชิดการขนส่งผลไม้ผ่านด่าน เวียดนาม-จีน
รมช.พณ.มอบทูตพาณิชย์บูรณาการทูตเกษตร ติดตามสถานการณ์ขนส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามเข้าสู่จีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงผลผลิตออกมากในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน โดยทางเวียดนามและจีนรับปากจะช่วยอำนวยความสะดวกรถบรรทุกไทยอย่างเต็มที่ โดยหากพบการติดขัดบริเวณหน้าด่านให้แจ้งผู้ประกอบการพิจารณาใช้เส้นทางที่เหมาะสม ป้องกันการติดค้างที่ด่าน
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมหารือกับรองนายกเทศมนตรีเมืองฉงจั่ว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และจากการสำรวจตลาดสำคัญในประเทศจีน ว่า
“วัตถุประสงค์ในการเดินทางของผมในครั้งนี้ เนื่องจากผลไม้ไทยในช่วงฤดูร้อนจะเริ่มออกในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่ในปีนี้ผลไม้ไทยบางส่วนเลื่อนมาออกในเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะทุเรียนของภาคตะวันออกและภาคใต้ และยังตรงกับทุเรียนของเวียดนาม ทำให้การออกในเดือนมิถุนายนอยู่ในปริมาณที่มาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เป็นห่วงสถานการณ์การกระจายสินค้าในประเทศ และต่างประเทศโดยเฉพาะที่สำคัญคือทุเรียนกระจายไปสู่ประเทศจีนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นในช่วงที่ผลผลิตออกมาปริมาณมาก ทำให้การขนส่งไปยังประเทศจีนอาจติดขัดและเกิดปัญหาขึ้นได้ กระทรวงพาณิชย์จึงได้ติดตามการขนส่งผลไม้จากไทยผ่านเวียดนามและเข้าสู่ประเทศจีนที่เมืองฉงจั่ว ผ่าน 2 ด่านที่สำคัญของเวียดนามคือด่านหูหงิ ซึ่งเป็นทางรถยนต์และเป็นเส้นทางที่ค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกที่สุด และอีกด่านคือด่านรถไฟด่งดัง เข้าด่านรถไฟผิงเสียงของจีน และอีกเส้นทางหนึ่ง คือ เส้นทางเรือที่ออกจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังประเทศจีน ได้แก่ ท่าเรือกว่างโจว ท่าเรือชินโจว ท่าเรือเสินเจิ้น ท่าเรือฮ่องกง“
“โดยผมได้นำคณะมาสำรวจเส้นเวียดนามและจีน โดยสำรวจที่เวียดนามที่แรกคือ ด่านหูหงิ และด่านรถไฟด่งดัง พบว่าการขนส่งโดยรถไฟยังมีความสามารถในการขนส่งได้อีก เนื่องจากว่าสามารถส่งได้วันประมาณ 6 ขบวนด้วยกัน ขบวนหนึ่งประมาณ 25 ตู้ ซึ่งปัจจุบันใช้ไปเพียง 2 ตู้ ส่วนทางด่านหูหงิ ซึ่งเข้าสู่ประเทศจีนทางด่านโหย่วอี้กวน ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุด ซึ่งแต่เดิมก็สามารถขนส่งได้วันละประมาณ 150 ตู้ ในขณะนี้ได้มีการขยายเพิ่มขึ้นเป็น 250 ตู้ และการพูดคุยกับทางด่านหูหงิ โดยลางเซินของประเทศเวียดนาม และฉงจั่วประเทศจีนได้พบปะหารือกัน ก็จะพยายามขยายเวลาและขยายการตรวจเพื่อให้การขนส่งผลไม้ไทยเข้าสู่ประเทศจีนได้เร็วขึ้น”
อย่างไรก็ดี ในเดือนพฤษภาคมคาดว่าจะมีผลไม้ของไทยนั้นออกจำนวนมากและคาดว่าจะมีถึง 900 ตู้ในบางวัน เพราะฉะนั้นจะต้องมีการพูดคุยกัน และเตรียมความพร้อมในทางเรือด้วย ตนจึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์เวียดนามและทูตพาณิชย์จีนประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯเพื่อรับทราบข้อมูลสินค้าเกษตรทั้งหมดที่ผ่านด่านของประเทศไทยออกมาทางบกเข้าสู่เวียดนามว่ามีปริมาณเท่าใดในแต่ละวัน และสถานการณ์ในแต่ละด่านไม่ว่าจะเป็นที่เวียดนามหรือจีนมีความคับคั่งขนาดไหน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะขนสินค้ามาในช่วงเวลาใด ในขณะเดียวกันควรจะมาทางบกหรือทางเรือ และได้ประสานงานกับด่านโหย่วอี้กวนของประเทศจีนในช่วงเวลาที่รถคับคั่งบริเวณด่านทางฉงจั่วจะขยายเวลาและเพิ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเพื่อให้สินค้านั้นผ่านไปได้เร็วขึ้น
จากนั้นคณะได้ไปสำรวจสินค้าที่ตลาดกลางขนาดใหญ่หนานหนิงชื่อ ตลาด HIGREEN และเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจีน คือตลาดเจียงหนาน ซึ่งตั้งอยู่ในกว่างโจว พบว่าสินค้าในส่วนของทุเรียนเป็นที่นิยม พบว่าสินค้าของประเทศไทยขายได้ดี คนจีนยอมรับสินค้าทุเรียนของไทยและที่สำคัญก็คือมาตรฐานการตัดผลไม้ที่ไม่ตัดผลไม้ที่อ่อน จึงอยากจะฝากพี่น้องเกษตรกรคงคุณภาพไว้ โดยขอให้ตัดทุเรียนที่มีความสุกไม่น้อยกว่า 70%
นอกจากนี้ได้มีการหารือกับทูตเกษตรของไทยที่อยู่ที่กว่างโจว ในการที่จะผลักดันให้สินค้าแปรรูป เช่น มะพร้าว ลําไย มะม่วง และมังคุดแช่แข็ง ให้ทางประเทศจีนรับสินค้าแปรรูปของไทย โดยเฉพาะมะพร้าวและลำไยเพื่อจะช่วยให้ดูดซัพพลายได้เยอะและดึงราคาสินค้าเกษตรขึ้นมา
“ขอให้ผู้ประกอบการติดตามข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ที่ได้เก็บข้อมูล ว่าในแต่ละวันนั้นมีสินค้าออกจากประเทศไทยปริมาณเท่าใด และขณะเดียวกันสถานการณ์ในแต่ละด้านของทางเวียดนามไม่ว่าจะเป็นด่านหูหงิและด่งดัง และด่านในประเทศจีนไม่ว่าจะเป็นด่านโหย่วอี้กวนและด่านรถไฟผิงเสียง มีความคับคั่งของสินค้าขนาดไหน ต้องรอการเข้าสู่ประเทศจีนมากขนาดไหน เพื่อประกอบการพิจารณาของท่านว่า ท่านจะเลือกส่งสินค้ามาในช่วงนั้นทางใดหรือไม่ หากว่าต้องเสียเวลาในการติดขัด 4-5 วัน จะทำให้ผลไม้นั้นเสื่อมคุณภาพลง เพราะฉะนั้น อยากให้ท่านติดตามสถานการณ์จากกระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่สำคัญก็คือลองพิจารณาดูเส้นทางที่เหมาะสม เส้นทางทางเรือซึ่งถือได้ว่าเป็นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพอีกทางเพื่อนำผลไม้ส่งออกเข้าสู่ประเทศจีน” นายนภินทรกล่าว
ปริมาณทุเรียนไทยส่งออกไปยังประเทศจีนในปีที่ผ่านมา (ปี 2566) ร้อยละ 99.5 ของปริมาณที่ส่งออกทั้งหมด และผลผลิตมังคุดร้อยละ 96.4 ของปริมาณที่ส่งออกทั้งหมด
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นภินทร สั่งทูตพาณิชย์ จับตาใกล้ชิดการขนส่งผลไม้ผ่านด่าน เวียดนาม-จีน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th