ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดอยู่ที่ 36.33 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเมื่อวาน
ค่าเงินบาท 27 มีนาคม 2567
809431
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดอยู่ที่ 36.33 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.26 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือน ก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดิ่งลง 6.9% ในเดือน ม.ค.
จับตาข้อมูลสำคัญ ได้แก่ดัชนี PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยคาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนม.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือน ม.ค
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 463 ล้านบาท และซื้อหุ้นไทยสุทธิ 1,428 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.20- 36.50
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 36.20/ ขาย 36.50
EUR/THB 39.20- 39.60
แนะนำ ซื้อ 39.20/ ขาย 39.60
JPY/THB 0.2380- 0.2420
แนะนำ ซื้อ 0.2380/ ขาย 0.2420
GBP/THB 45.60- 46.00
AUD/THB 23.60- 24.00
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 26 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาท
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.35 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.05 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนและอ่อนค่าตามการอ่อนค่าลงของเงินเยนที่กลับมายืนเหนือ 151 เยน/ดอลลาร์ ทั้งนี้การกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วของค่าเงินดอลลาร์เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ย ท่ามกลางการปรับฐานของราคาทองคำ โดยทองคำเริ่มมีแรงขายออกมาหลังราคาพุ่งทะลุ 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท คาดว่าวันนี้เงินบาทจะผันผวนและอาจจะทดสอบระดับ 36.40 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ตลาดเริ่มจับตามองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าเฟดในการประชุมเดือนเมษายนนี้ตามธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์หรือไม่
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.20- 36.40
แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 36.20 ขายที่ระดับเหนือ 36.40
EUR/THB 39.20- 39.60
แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 39.60
JPY/THB 0.2380- 0.2420
แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2380
GBP/THB 45.80-46.20
AUD/THB 23.60- 24.00
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 25 มีนาคม 2567
504415
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.40 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 36.38
ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย หลังจากได้ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่สัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางญี่ปุ่นมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย และการที่ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสองธนาคารกับของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วยหนุนดอลลาร์ให้ยังคงแข็งค่า
นอกจากนี้การที่ธนาคารกลางอังกฤษได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า รวมทั้งการที่เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ล้วนส่งผลหนุนต่อการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) และการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตของสหรัฐ ในวันศุกร์ (29 มี.ค.)
เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,209 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 627 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.25 – 36.55
แนะนำทยอยซื้อที่ 36.35 /ขาย 36.55
EUR/THB 39.10 – 39.60
แนะนำทยอยซื้อที่ 39.20 / ขาย 39.60
JPY/THB 0.2385 – 0.2425
แนะนำทยอยซื้อที่ 0.2400 /ขาย 0.2425
GBP/THB 45.55 – 46.05
AUD/THB 23.50 -23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 20 มีนาคม 2567
904450
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.08 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ระดับ 0 ถึง 0.1% จากระดับ -0.1%
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 4,112 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 18,801 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.00- 36.30
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 36.00/ ขาย 36.30
EUR/THB 39.10- 39.60
แนะนำ ซื้อ 39.10 / ขาย 39.60
JPY/THB 0.2360- 0.2410
แนะนำ ซื้อ 0.2360/ ขาย 0.2410
GBP/THB 45.50- 46
AUD/THB 23.30- 23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 19 มีนาคม 2567
288990
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.97 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.98 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
โดยการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ โดยรอฟังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
รวมทั้ง การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เกี่ยวกับความชัดเจนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ รวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตลาดรอผลการประชุมยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก -0.1% สู่ระดับ 0.0%
นอกจากนี้ สัปดาห์นี้มีข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่สำคัญได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 6,023 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 297 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.80- 36.10
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.80/ ขาย 36.10
EUR/THB 39.00- 39.40
แนะนำ ซื้อ 39.00/ ขาย 39.40
JPY/THB 0.2400- 0.2440
แนะนำ ซื้อ 0.2400/ ขาย 0.2440
GBP/THB 45.50- 46.00
AUD/THB 23.30 – 23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 18 มีนาคม 2567
264700
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.92 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 35.83 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลหลายชุดที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าคาด ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สามารถคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น ทำให้มีการปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในอนาคต
ประเด็นที่ควรจับตาคือการประชุมเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค. โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ทั้งนี้ตลาดมุ่งความสนใจไปที่การรายงาน นโยบายการเงิน Dot Plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการทบทวนใหม่ของเฟด
รวมทั้ง ยังควรจับตาการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 18-19 มี.ค.ซึ่งคาดว่า BOJ อาจจะส่งสัญญาณยุติการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ รวมถึงรอดูผลการประชุม ธนาคารกลางอังกฤษ ในวันที่ 21 มี.ค.
เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 3,739 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 2,177.52 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.80 – 36.10
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.80/ ขาย 36.10
EUR/THB 38.80 – 39.20
แนะนำ ซื้อ 38.80/ ขาย 39.20
JPY/THB 0.2380 – 0.2430
แนะนำ ซื้อ 0.2380 / ขาย 0.2430
GBP/THB 45.40 – 45.90
AUD/THB 23.30 – 23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 15 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.80 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.65 บาท/ดอลลาร์
459620
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่สูงเกินคาดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.2%
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 62.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.
Fund flow เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,509 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,647 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.65 – 35.95
แนะนำทยอยซื้อที่ 35.70 /ขาย 35.85
EUR/THB 38.65 -39.15
แนะนำทยอยซื้อที่ 38.65/ ขาย 39.05
JPY/THB 0.2390- 0.2430
แนะนำทยอยซื้อที่ 0.2400 /ขาย 0.2420
GBP/THB 45.40 – 45.90
AUD/THB 23.40 -23.70
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 14 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.70 บาท/ดอลลาร์
266244
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากการย่อตัวลงของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำหลังจากที่เงินบาทถูกกดดันในทิศทางอ่อนค่าไปเมื่อวานนี้จากการรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น และปัจจัยลบเรื่องการเมืองในประเทศหลังจากที่ กกต.แถลงว่าจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคก้าวไกล
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะแกว่งตัว sideways ตาม Flow การซื้อขายทองคำ และอาจเริ่มแข็งค่าตามสกุลเงินเยนจากการที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลุดระดับ 148 เยน เนื่องจากมีบริษัทรายใหญ่ของญี่ปุ่นเสนอขึ้นค่าจ้างครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ในการประชุมค่าจ้างประจำปีกับสหภาพแรงงาน ซึ่งอาจปูทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในสัปดาห์หน้า.
Fund flow เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 437 ล้านบาท แต่ซื้ิอหุ้นไทยสุทธิ 1,068 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.55- 35.75
แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 35.75
EUR/THB 38.90- 39.20
แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 39.20
JPY/THB 0.2400- 0.2440
แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2400
GBP/THB 45.50-45.90
AUD/THB 23.40- 23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 13 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.69 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้าที่ระดับ 35.60 บาท/ดอลลาร์
177739
ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.8% ในเดือนก.พ.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,794 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5,976 ล้านบาท กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ USD/THB 35.50- 35.80 แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.50/ ขาย 35.80 EUR/THB 38.80- 39.30 แนะนำ ซื้อ 38.80 / ขาย 39.30 JPY/THB 0.24- 0.2450 แนะนำ ซื้อ 0.24/ ขาย 0.2450 GBP/THB 45.50- 46 AUD/THB 23.30- 23.80
ค่าเงินบาท 12 มีนาคม 2567
213194
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.40 บาท/ดอลลาร์
โดยดอลลาร์ยังเทรดอยู่ในกรอบและแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค CPI และ ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนว่าเฟด จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ขณะที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยง ปรับขึ้นตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน และทองคำ
สำหรับค่าเงินบาทยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างเด่นชัด ถึงแม้เดือน ก.พ.67 จะมีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ซี่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวล จากการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 67 ไปอยู่ที่ 2.2-3.2%
Fund flow ปิดตลาดเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิพันธบัตร 191 ล้านบาท และขายสุทธิหุ้นไทย 2,340 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.30 – 35.60
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.30/ ขาย 35.50
EUR/THB 38.60-39.00
แนะนำ ซื้อ 38.60/ ขาย 39.00
JPY/THB 0.2400-0.2440
แนะนำ ซื้อ 0.2400/ ขาย 0.2430
GBP/THB 45.25-45.75
AUD/THB 23.30-23.70
ค่าเงินบาท 11 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.42 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 35.44 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาท
โดยฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า
*ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.42 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 35.44 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (8 มี.ค.) และอ่อนค่าลงรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อเทียบกับยูโรในปีนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน มิ.ย.นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 198,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.7% โดยที่อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น
Fund flow ปิดเมื่อวันศุกร์ นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 1,071 ล้านบาท และซื้อหุ้นไทยสุทธิ 1,610 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.30- 35.60
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.30/ ขาย 35.60
EUR/THB 38.60-39.00
แนะนำ ซื้อ 38.60/ ขาย 39.00
JPY/THB 0.2390-0.2430
แนะนำ ซื้อ 0.2390/ ขาย 0.2430
GBP/THB 45.40-45.80
AUD/THB 23.20-23.60
ค่าเงินบาท 8 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.55 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.59 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาท
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยต่อคณะกรรมการของวุฒิสภาสหรัฐว่า เฟดใกล้ที่จะเชื่อมั่นว่า เงินเฟ้อกำลังลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ซึ่งจะทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้
ความเห็นของนายพาวเวลได้ตอกย้ำความหวังของนักลงทุนว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือน มิ.ย.ปีนี้
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจช่วยหนุนแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
คืนนี้ จับตาการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ.ของสหรัฐเพื่อบ่งชี้รายละเอียดเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 149 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 2,553.61 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.40 – 35.70
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 35.40/ ขาย 35.70
EUR/THB 38.70 – 39.10
แนะนำ ซื้อ 38.70/ ขาย 39.10
JPY/THB 0.2380 – 0.2430
แนะนำ ซื้อ 0.2380 / ขาย 0.2430
GBP/THB 45.20 – 45.70
AUD/THB 23.30 – 23.80
ที่มา : ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)
ค่าเงินบาท 7 มีนาคม 2567
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
915304
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.69 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 35.58-35.74 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน (ยอดการจ้างงานเอกชน โดย ADP เพิ่มขึ้น +1.4 แสนตำแหน่ง แย่กว่าคาด ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับ Job Openings ชะลอลงสู่ระดับ 8.86 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าคาดเล็กน้อย) นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของประธานเฟดก็ย้ำว่า เฟดมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ ทว่าเฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติมและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็ช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทบ้าง
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ท่ามกลางความหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ตามคาด และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อาจชะลอลงแบบ Soft Landing ตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยภาพดังกล่าวได้หนุนให้หุ้นธีม AI/Semiconductor รีบาวด์ขึ้น นำโดย Nvidia +3.2% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานในคืนวันศุกร์นี้ ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.51%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.39% ตามการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth โดยเฉพาะหุ้นธีม AI เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML +1.4% หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ยังทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ อนึ่งผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่รีบปรับสถานะการลงทุนมากนัก เพื่อรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในคืนนี้
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยย่อตัวลงสู่ระดับ 4.10% ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสานต่อเนื่อง และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ แม้ว่าจังหวะการลดดอกเบี้ยอาจยังไม่มีความแน่นอน ขึ้นกับพัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ แม้เราจะยังคงมองว่า การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เช่น ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.50% อาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่ในระยะสั้น ควรระวังความผันผวนของบอนด์ยีลด์ ที่อาจพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้ หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด “เซอร์ไพรส์” ผู้เล่นในตลาดและเรา อย่างไรก็ดี Risk-Reward ของการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวก็ยังคุ้มค่าอยู่ ทำให้เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้ หรือนักลงทุนอาจรอจังหวะ Buy on Dip ก็ได้เช่นกัน (อาจเน้นทยอยเข้าซื้อในโซน บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เหนือระดับ 4.20%)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก กดดันโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน (ขณะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป กลับออกมาดีกว่าคาดในช่วงนี้ และช่วยหนุนสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้ง EUR และ GBP) และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ย้ำว่า เฟดสามารถลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ แม้จังหวะการลดยังมีความไม่แน่นอน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อลงใกล้ระดับ 103.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.2-103.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อ เหนือระดับ 2,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ถึงเป้าของราคาทองคำในปีนี้ของเราเป็นที่เรียบร้อย) ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุม ECB ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ เราประเมินว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ที่ระดับ 4.00% ทว่า เราจะจับตาอย่างใกล้ชิดว่า คาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของ ECB จะสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนอย่างไร รวมถึง ถ้อยแถลงของประธาน ECB จะมีการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย ที่อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าและลึกกว่าเฟดหรือไม่ เนื่องจากมุมมองดังกล่าวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน จะส่งผลกระทบต่อเงินยูโร (EUR) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ นั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจต้องระมัดระวังในการวิเคราะห์พอสมควร จากผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลช่วงเทศกาลตรุษจีน
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายท่าน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down แต่ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันศุกร์ และผลการประชุม ECB ในคืนวันนี้ ทำให้เราประเมินว่า ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุม ECB เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ 35.55-35.75 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงเช้านี้ จากรายงานอัตราการเติบโตของรายได้ (Average Cash Earnings) ที่ออกมาดีกว่าคาดและสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคาดหวังการทยอยปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งผลให้ เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าใกล้ระดับ 149 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเลือกที่จะทยอยเข้าซื้อเงินเยนญี่ปุ่นในช่วงนี้บ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ หากไม่มีปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่โซน Overbought ทำให้มีความเสี่ยงที่ ราคาทองคำอาจเผชิญการปรับฐานได้พอสมควร หากมีปัจจัยลบเข้ามากดดัน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้างได้เช่นกัน ทำให้เรามองว่า ควรระวังในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB ที่เราคาดว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบที่กว้างขึ้นในช่วง 35.50-35.85 บาทต่อดอลลาร์
เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.85 บาท/ดอลลาร์
ด้านฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง หลังสื่อเผยแพร่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ถึงแม้จะยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนสำหรับการดำเนินการดังกล่าวก็ตาม ทั้งนี้เฟดยังคงให้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 2 เป็นธงหลักต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินและจะยังคงดำเนินการอย่างระมัดระวัง
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนมิ.ย. และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้งในปีนี้
• ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.พ.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งดัชนีความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของเฟดเช่นกัน
* Fund flow เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 829 ล้านบาท และซื้อหุ้นไทยสุทธิไทย 1,840 ล้านบาท.
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 35.50- 35.75
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.50
EUR/THB 38.70- 39.00
* แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 38.90
JPY/THB 0.2370- 0.2410
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2370
GBP/THB 45.25-45.70
AUD/THB 23.25- 23.65
—–
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.82 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.85 บาท/ดอลลาร์
โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยมีแรงหนุนในทิศทางแข็งค่าตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ จากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบิตคอยน์ (Bitcoin) และราคาทองคำที่พุ่งอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นสัปดาห์ ก็มีส่วนที่ช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์ปรับฐานและอ่อนค่าในระยะนี้ ตลาดจับตาถ้อยแถลงนโยบายการเงินของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสใน วันพุธและพฤหัสบดีนี้ ซึ่งจะมีขึ้นก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด – รวมถึงรอดูกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.พ.ในวันศุกร์นี้ ทำให้ค่าเงินบาทน่าจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตาม Flow การซื้อขายทองคำ Fund flow เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 808 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 2,918 ล้านบาท กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ USD/THB 35.75- 35.95 แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.75 EUR/THB 38.70- 39.00 แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 39.00 JPY/THB 0.2370- 0.2410 แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2370 GBP/THB 45.30-45.70 AUD/THB 23.20- 23.60
Krungthai GLOBAL MARKETS มองค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.75-35.88 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ เนื่องจากเงินดอลลาร์ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นบ้าง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผู้เล่นในตลาดทยอยลดความเสี่ยง ด้วยการขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ (The Magnificent 7) ก่อนรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น ท่ามกลางแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Microsoft -3.0%, Apple -2.8% โดยผู้เล่นในตลาดอาจทยอยลดความเสี่ยงลงบ้าง ก่อนรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสและรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.65% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.02%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.23% ตามแรงขายหุ้นธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับท่าทีของรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่อย่างที่ตลาดคาดหวัง ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มแบรนด์เนม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างปรับตัวลดลง อาทิ Hermes -1.5%, Rio Tinto -1.3% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML -1.5%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยย่อตัวลงสู่ระดับ 4.15% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ออกมาแย่กว่าคาด ขณะเดียวกันบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่ประเมินว่า หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนภาพการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด ทำให้ การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เช่น ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.50% อาจเกิดขึ้นได้ยาก และถ้าจะเกิดขึ้นได้นั้นอาจต้องอาศัยมุมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 3 ครั้ง หรือ ไม่ลดดอกเบี้ยลงเลย ดังนั้น Risk-Reward ของการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวก็ยังคุ้มค่าอยู่ ทำให้เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้ หรือนักลงทุนอาจรอจังหวะ Buy on Dip ก็ได้เช่นกัน (อาจเน้นทยอยเข้าซื้อในโซน บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เหนือระดับ 4.20%)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยเงินดอลลาร์เผชิญกดดันอยู่บ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาดและการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังพอช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นได้ อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.6-104 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ยังพอช่วยให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถทรงตัวเหนือระดับ 2,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ แม้ว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดออกมาบ้างก็ตาม
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้ได้ และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) พร้อมกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งจะช่วยในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down แต่ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดในโซนแนวรับ 35.70-35.80 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงาน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้
นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เพราะถึงแม้ว่าเราจะประเมินว่า ประธานเฟดจะยังคงเน้นย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% (ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวัง) แต่หากถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดเริ่มเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด (เลื่อนการเริ่มลดดอกเบี้ยไปจากการประชุมเดือนมิถุนายน) หรือเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจยิ่งกดดันให้ตลาดขายหุ้นเทคฯ ใหญ่สหรัฐฯ ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงและหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก โดยในกรณีดังกล่าวนั้น เงินบาทก็มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ แต่ในทางกลับกัน หากถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับตลาด อีกทั้งรายงานข้อมูลการจ้างงานก็ชะลอลงมากขึ้น ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อบ้าง ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ลุ้นว่าจะทะลุโซนแนวต้าน 35.70 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ (แนวรับสำคัญถัดไปแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-36.00 บาท/ดอลลาร์
อ่านข่าวต้นฉบับ:
อมรินทร์ทีวี ทันข่าวได้ที่
เว็บไซต์:www.amarintv.com
เรื่องธุรกิจที่ :ติดตาม SPOTLIGHT มองขาดทุกโอกาสธุรกิจ
News Related-
สู้ไม่ไหว! ByteDance ปิดบริษัทลูก Nuverse พร้อมปลดพนักงาน 1,000 คน
-
สุภโชคเยือนกิเลนฯ ! เจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ เผยโปรแกรมหวดทีมไทยลีก
-
ครม.ไฟเขียว 5 จังหวัด เปิดสถานบริการในโรงแรมได้ถึงตี 4
-
อิสราเอลต้อนรับการมาเยือนของ Elon Musk หารือการใช้เน็ต Starlink ในฉนวนกาซา
-
'ไบท์แดนซ์' จ่อยุบธุรกิจเกม หลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก 'เทนเซ็นต์' ไม่สำเร็จ
-
TISCO ESU ฟันธง! เศรษฐกิจโลกปี 67 ชะลอตัว ชี้ ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8-15% ดีกว่าหุ้น
-
“นฤมล” ถกผู้ส่งออก-นำเข้าปศุสัตว์ -บริษัทส่งออกผลไม้ หวังดันไทย-จีน
-
มองหลากมุม “นโยบายเงินช่วยให้เปล่า” กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
กยศ. แจงปมนักศึกษาพยาบาลไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยันคุณสมบัติครบได้ทุกคน
-
น้ำผึ้ง ณัฐริกา สูญเสียครั้งใหญ่จนเป็นซึมเศร้า เคยไปดูศพเพื่อปลง (คลิป)
-
เขินมาก”พัคมินยอง-คิมแจอุค”อวดโมเมนต์ชวนจิ้นผ่านไขหัวใจยัยแฟนเกิร์ล
-
กวาง ขายเรือนหอ 16 ล้านได้แล้ว ขอบคุณที่ให้บทเรียนดีๆ ‘น้ำหวาน’ โผล่เมนต์ลา
-
SHARGE เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ตอกย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจ EV Charger ครบวงจร
-
สภาการพยาบาลออกประกาศ ห้ามให้ยาแก้ปวด Diclofenac ชนิดฉีด