คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

คริสโตเฟอร์ เคอร์ (ชายที่ยืนข้างเตียง) บอกว่ามโนภาพดูเหมือนจริงมาก สำหรับผู้ป่วยที่กำลังใกล้ตาย

ในปี 1999 คริสโตเฟอร์ เคอร์ แพทย์ชาวอเมริกันได้ประสบเหตุการณ์ที่เปลี่ยนเส้นทางอาชีพของเขา

แมรี ผู้ป่วยคนหนึ่งของเขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และรายล้อมไปด้วยลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 4 คน เขาพบว่าเธอทำตัวแปลก ๆ เมื่อใกล้จะเสียชีวิต

หญิงวัย 70 ปีผู้นี้ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับขยับแขนราวกับว่ากำลังอุ้มเด็กทารกอยู่ ซึ่งมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่มองเห็น แมรีเรียกเด็กคนนั้นว่าแดนนี แล้วดูเหมือนจะกอดและจูบเด็กชายในจินตนาการคนนี้ด้วย

ลูก ๆ ของแมรีไม่มีใครอธิบายสิ่งนี้ได้ เพราะพวกเขาไม่รู้จักใครที่ชื่อว่าแดนนีมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา น้องสาวของแมรีเดินทางมาถึงโรงพยาบาลและบอกว่า ก่อนหน้าที่แมรีจะมีลูกคนอื่น ๆ เธอเคยให้กำเนิดลูกชายชื่อว่าแดนนี ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่เกิด

ความสูญเสียครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้กับแมรีมาก จนเธอไม่เคยพูดถึงลูกที่เสียชีวิตไปคนนี้อีกเลย

เคอร์ ผู้ซึ่งเดิมทีได้รับการฝึกฝนเป็นแพทย์ทั่วไป มีความเชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ รวมทั้งยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านประสาทชีววิทยา เขาพบว่าเรื่องราวของแมรีมีความพิเศษมาก จึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางสายอาชีพของตนเอง และอุทิศตนให้กับการศึกษาประสบการณ์ของคนที่ใกล้ตาย

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

“สิ่งที่ดีสำหรับผู้ป่วย คือสิ่งที่ดีสำหรับคนที่พวกเขารัก” เคอร์ บอก

“ความรู้สึกสงบ”

หลังเรื่องราวของแมรีผ่านไป 25 ปี ขณะนี้ถือได้ว่า เคอร์ คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก ในการศึกษามโนภาพและความฝันของผู้คนที่กำลังใกล้จะถึงจุดจบของชีวิต

เขาบอกว่าประสบการณ์เหล่านี้มักจะเริ่มต้นในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการเสียชีวิต และเพิ่มความถี่มากขึ้นเมื่อใกล้ถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต

เคอร์กล่าวว่าเขาได้เห็นผู้คนหวนนึกถึงช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิตพวกเขา ตลอดจนได้เห็นและพูดคุยกับแม่ พ่อ ลูก ๆ หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

สำหรับผู้ป่วยแล้ว มโนภาพเหล่านั้นดูเหมือนจริงอย่างมาก และโดยทั่วไปแล้วส่งผลให้เกิดความรู้สึกสงบ

“[ความสัมพันธ์] เหล่านี้ มักจะหวนกลับคืนมาในรูปแบบที่มีความหมายและปลอบโยนจิตใจ เป็นการยืนยันถึงเส้นทางชีวิตที่ถูกนำทางมาจนถึงจุดนี้ และในทางกลับกัน ยังพบว่ามันช่วยลดความกลัวตายลงได้” เคอร์บอกกับบีบีซีบราซิล

เคอร์ยืนยันว่าผู้ป่วยเหล่านี้ไม่มีความสับสนหรือมีความคิดที่ไม่ปะติดปะต่อกัน ทว่า ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกรวมถึงจิตวิญญาณ ถึงแม้ว่าสุขภาพกายของพวกเขาจะเสื่อมถอยลงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แพทย์หลายคนเห็นว่าปรากฏการณ์เหล่านี้คือภาพหลอนหรืออาจเป็นผลจากความสับสน พร้อมกับกล่าวว่าเรื่องนี้ยังต้องการการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ก่อนที่เราจะหาข้อสรุปได้

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2010 เคอร์จึงเริ่มบุกเบิกการศึกษาในสหรัฐอเมริกา โดยเปิดตัวการสำรวจอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามผู้ป่วยที่กำลังใกล้ตาย ว่าพวกเขาเห็นหรือพบเจออะไร

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

คริสโตเฟอร์ เคอร์ ทำรายงานเกี่ยวกับประสบการณ์ของคนใกล้ตาย

ผู้ป่วยทุกคนได้รับการคัดกรองก่อนเข้าร่วมในงานศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้อยู่ในสภาพสับสนมึนงง

ก่อนหน้าการศึกษานี้ รายงานส่วนใหญ่มักมาจากประสบการณ์ของบุคคลที่สาม ซึ่งบันทึกในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าผู้ป่วยเห็น

ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์หลายฉบับ รวมถึงหอสมุดแพทยศาสตร์แห่งชาติของสวีเดน

เคอร์ยังไม่พบคำตอบที่ชัดเจนสำหรับการอธิบายประสบการณ์เหล่านี้ และกล่าวว่าการถอดรหัสว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนใกล้ตายมีประสบการณ์เช่นนั้น ไม่ใช่จุดมุ่งหมายหลักในการศึกษาของเขา

“ความจริงที่ว่า การที่ผมไม่สามารถอธิบายแหล่งที่มาและกระบวนการของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ มันไม่ได้ทำให้ประสบการณ์ของผู้ป่วยเหล่านี้ไม่เป็นความจริง” เขากล่าว

ปัจจุบัน เคอร์เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ให้การดูแลแบบประคับประคองในเมืองบัฟฟาโล มลรัฐนิวยอร์ก

หนังสือของเขาที่ชื่อว่า Death Is But a Dream: Finding Hope and Meaning at Life’s End (แปลเป็นไทยได้ว่า ความตายไม่ใช่ความฝัน: ค้นหาความหวังและความหมายในบั้นปลายชีวิต) ถูกตีพิมพ์ในปี 2020 และได้รับการแปลไปอย่างน้อย 10 ภาษา

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

เคอร์ กล่าวว่า รูปแบบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่หวนย้อนคืนมานั้นมีความหมายและช่วยปลอบประโลมจิตใจอย่างมาก

เขาให้สัมภาษณ์กับบีบีซีบราซิลเกี่ยวกับการศึกษาของเขา และความหมายของประสบการณ์ในบั้นปลายชีวิตเหล่านั้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านี้บ้าง

เคอร์: ผมคิดว่า การตายเป็นมากกว่าการเสื่อมถอยทางร่ายกายอย่างเห็นได้ชัด การเสียชีวิตยังรวมถึงความเปลี่ยนแปลงในจุดที่คุณยืนอยู่ การรับรู้ของคุณ และองค์ประกอบที่ยืนยันถึงการมีชีวิตอยู่ของคุณจริงๆ

การตายนำคุณไปสู่จุดแห่งการพินิจพิเคราะห์ ผู้คนมักจะโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุด หรือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ของพวกเขา

ที่น่าสนใจคือ สิ่งเหล่านี้มักได้กลับมาในรูปแบบที่มีความหมายและปลอบโยนจิตใจ เป็นการยืนยันถึงเส้นทางชีวิตที่ถูกนำทางมาจนถึงจุดนี้ โดยในทางกลับกันก็พบว่ามันช่วยลดความกลัวตายลงได้

สิ่งที่เราเคยคาดว่ามันจะเกิดขึ้น คือการเพิ่มขึ้นของความทุกข์ทางจิตใจหรืออาการทางจิตเวช เนื่องจากผู้คนกำลังเผชิญกับจุดจบของชีวิต แต่บ่อยครั้งเรากลับไม่เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น

เราเห็นผู้คนอ้าแขนรับชะตากรรมด้วยความรักและสิ่งที่มีความหมาย

จากการวิจัยของคุณ ประสบการณ์บั้นปลายชีวิตเหล่านั้นพบบ่อยได้แค่ไหน ?

เคอร์: ในการศึกษาของเรา มีรายงานว่าผู้คนประมาณ 88% พบเจอกับประสบการณ์อย่างน้อย 1 อย่างจากประสบการณ์เหล่านี้

อัตราที่เราพบสูงกว่าที่เห็นจากรายงานตามปกติถึง 20% แต่นี่เป็นเพราะเราถามทุกคน ทุกวัน ในงานศึกษาของเรา

การตายนั้นเป็นกระบวนการ ดังนั้น การมาหาพวกเขาในวันจันทร์ คุณอาจได้รับคำตอบที่แตกต่างจากวันศุกร์ที่ผ่านมาอย่างมาก

เราเห็นว่าความถี่ของเหตุการณ์เหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้ป่วยเข้าใกล้ความตาย

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

วิถีที่ผู้คนจากเราไป อาจเป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อครั้งใหม่

การเดินทาง

สิ่งหลักที่คนใกล้ตายพบเจอคืออะไร ?

เคอร์: ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยได้รายงานสิ่งที่คล้ายกับการเดินทาง บ่อยครั้งที่พวกเขานึกถึงคนที่พวกเขารักและสูญเสียไป

การเห็น [มโนภาพของ] ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้น สิ่งนี้ได้รับรายงานด้วยว่าเป็นประสบการณ์ที่สร้างความสบายใจให้กับพวกเขามากที่สุด

การที่พวกเขาฝันถึงใครนั้นก็น่าสนใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขามักจะฝันถึงคนรักและคนที่ให้ความสนับสนุนพวกเขามาก่อน รวมถึงคนที่มีความสำคัญต่อพวกเขามากที่สุด ซึ่งอาจเป็นพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง พี่หรือน้องคนใดคนหนึ่ง

อีกประมาณ 12% มีความฝันซึ่งพวกเขาได้อธิบายในแบบสอบถามว่า รู้สึกกลาง ๆ หรือไม่สบายใจ แต่ในท้ายที่สุดพบว่าความฝันที่ไม่สบายใจเหล่านั้น คือฝันที่มีความหมายมากที่สุดหรือไม่ก็เปลี่ยนมุมมองได้มากที่สุด

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีบาดแผลอะไรก็ตาม มันจะได้รับการตรึกตรองผ่านประสบการณ์เหล่านี้ มีหลายกรณีที่ผู้ผ่านการสู้รบรู้สึกผิดที่เขารอดชีวิตกลับมา แต่เมื่อถึงจุดสุดท้ายของชีวิต พวกเขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นสหายที่เสียชีวิตไปแล้ว

คุณบอกว่าข้อผิดพลาดทั่วไปอย่างหนึ่งคือผู้คนคิดว่าคนเหล่านี้อยู่ในอาการเห็นภาพหลอน อะไรที่ทำให้ประสบการณ์เหล่านี้แตกต่างออกไป ?

เคอร์: อาการเพ้อหรือสับสนเป็นเรื่องปกติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของชีวิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขานั้นแตกต่างจากสิ่งนี้มาก

อาการหลงผิดหรือสับสนไม่ได้สร้างความปลอบประโลมใจให้กับผู้คน มันเป็นประสบการณ์ที่ถูกกระตุ้นจากความหวาดกลัว และส่งผลให้ผู้ป่วยถูกมัดติดอยู่กับเตียงขณะที่พวกเขามีอาการกระวนกระวายใจ

ขณะที่ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ใกล้ตายนั้นมาจากผู้คนหรือเหตุการณ์จริง พวกเขาจำมันได้อย่างชัดแจ้ง มันเป็นความทรงจำ และช่วยปลอบโยนหรือปลอบประโลมจิตใจพวกเขาได้อย่างท่วมท้น

ความฝัน

บางครั้งผู้ป่วยกำลังฝัน แต่บางครั้งพวกเขาก็อยู่ในภาวะตื่น ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นตอนตื่นและตอนฝันแตกต่างกันหรือไม่ ?

เคอร์: เราถามคนในแบบสอบถามว่าพวกเขาหลับหรือตื่น และจริง ๆ แล้วมันคือ 50-50

การตายเกี่ยวข้องกับการหลับที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง กลางวันและกลางคืนแทบไม่มีผลต่อพวกเขาอีก พวกเขาสูญเสียการรับรู้เวลาไป แต่พวกเขากลับให้คะแนนความสมจริงถึง 10 เต็ม 10 เราจึงไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องนี้เท่าไร

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

เคอร์ บอกว่า คนใกล้ตายบางคนมีความฝันที่ให้ความรู้สึกกลาง ๆ หรือสร้างความไม่สบายใจ

คุณยังทำงานกับเด็กที่เจ็บป่วยในระยะสุดท้าย อะไรคือความแตกต่างระหว่างประสบการณ์บั้นปลายชีวิตของผู้ใหญ่และเด็ก ?

เคอร์: เด็ก ๆ รับรู้ประสบการณ์เหล่านี้ได้ดีกว่า เนื่องจากพวกเขายังไม่มีตัวคัดกรองในชีวิตมากนัก พวกเขาไม่มีเส้นแบ่งระหว่างจินตนาการและความเป็นจริง และยังไม่มีแนวคิดเรื่องความตาย ดังนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

คุณมักจะเห็นว่าพวกเด็ก ๆ มีประสบการณ์เหล่านี้ในรูปแบบที่สร้างสรรค์และมีสีสัน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรับรู้ความหมายของมันโดยสัญชาตญาณ

บ่อยครั้ง หากพวกเขาไม่มีคนรู้จักที่ตายไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาอาจรู้จักสัตว์สักตัวที่พวกเขาเคยเลี้ยง ซึ่งพวกเขาจะ “เห็น” มันอย่างชัดเจนเช่นเดียวกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

เคอร์ บอกว่า การมองเห็นมโนภาพของผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้น

ครอบครัว

ประสบการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของผู้ป่วยอย่างไรบ้าง ?

เคอร์: เราตีพิมพ์บทความ 2 ชิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งประกอบด้วยบทสัมภาษณ์จาก 750 คน และมันน่าทึ่งมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่ดีสำหรับผู้ป่วยนั้น มันดีต่อคนที่พวกเขารักด้วย

เราทำการศึกษาชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากซึ่งพิจารณากระบวนการทำงานของความเศร้า โดยพบว่าผู้คนที่ได้เห็นประสบการณ์เหล่านี้ โศกเศร้าในแบบที่ดีต่อสุขภาพกายและจิตมากกว่า เพราะมันหล่อหลอมการรับรู้ของพวกเขา และช่วยให้พวกเขารำลึกถึงบุคคลที่พวกเขาสูญเสีย

คุณจบปริญญาเอกด้านประสาทชีววิทยา แต่คุณบอกว่าไม่สามารถหาที่มาที่ไปของประสบการณ์เหล่านี้ได้ และการทำความเข้าใจกลไกนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่จริง ๆ แล้ว มุมมองของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ในฐานะแพทย์เปลี่ยนแปลงไปไหม ?

เคอร์: โอ้! ด้วยความเคารพอย่างสูง มีหลายกรณีที่ผมเป็นพยานในเหตุการณ์เหล่านั้น และสิ่งที่ผมเห็นกับตา มันก็มีความลึกซึ่งอย่างมาก ความหมายต่อผู้ป่วยนั้นชัดเจนและแม่นยำมาก จนผมรู้สึกว่าตัวผมเองต่างหากที่เป็นผู้รุกรานพื้นที่ประสบการณ์ส่วนตัวตรงนั้น

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

เคอร์บอกว่า เรามุ่งเน้นไปที่การตายของร่างกาย จึงมักละเลยองค์ประกอบด้านอารมณ์

คุณบอกว่าการอภิปรายจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มักมาจากมุมมองทางมนุษยศาสตร์มากกว่ามุมมองทางการแพทย์ ทำไมการแพทย์จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ และมุมมองเช่นนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่คุณเริ่มทำการศึกษาเรื่องนี้หรือไม่ ?

เคอร์: ไม่ ผมคิดว่ามันแย่ลงเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามนุษยศาสตร์ตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่และความหมายของชีวิต มันเปิดกว้างมากกว่าในทางมนุษยวิทยา

คนใกล้ตาย “เห็น” อะไร ในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต

คุณบอกว่าคุณเริ่มการศึกษาวิจัยเพราะแพทย์คนอื่นต้องการเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่งานของคุณกลับได้รับความสนใจจากสื่อมากกว่าวงการแพทย์ คุณคิดเห็นอย่างไรกับความย้อนแย้งนี้ ?

เคอร์: ผมเคยประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำให้แพทย์รุ่นใหม่รู้สึกเห็นคุณค่าในประสบการณ์ที่ผู้ป่วยใกล้ตายเผชิญ ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องหาหลักฐาน ด้วยภาษาที่พวกเขายอมรับ

ผมไม่คิดว่าตัวเองสร้างความเข้าใจผิด ๆ เพราะว่าเมื่อมันถูกเผยแพร่ในสื่อ ผู้คนก็โอบรับมันและถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

ดังนั้น หากอาชีพที่ต้องดูแลผู้อื่นมีความใส่ในในเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย แต่ผู้คนที่รับการรักษาหรือการดูแล หรือผู้ที่มีส่วนร่วมในการให้ความดูแลผู้ป่วย หรือผู้ที่กำลังใกล้ตายและรู้สึกสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับช่วงบั้นปลายของชีวิต กลับยอมรับงานศึกษานี้ ผมก็คิดว่ามันเป็นความย้อนแย้งที่น่าสนใจ

OTHER NEWS

10 minutes ago

The Side Hustle He Started at Age 15 Led to a $4 Billion Boon for Small Businesses: 'They Would Take a Chance on Me With Their Hard-Earned Money'

10 minutes ago

The Equalizer: Season 4 Episode 10 – Review/ Recap

10 minutes ago

Google Chrome for iOS might soon gain Circle to Search feature

10 minutes ago

First Look: ‘Reasonable Doubt’ Set to Return For Season 2 on HULU

10 minutes ago

Follow These Tips to to Grow a Beautiful Wildflower Garden in Your Backyard

10 minutes ago

Warren Buffett's sister uses this simple method for passive income without dividends

10 minutes ago

Young rappers rack up tens of thousands of views since the weekend

10 minutes ago

Funding boycotts are ‘irresponsible, entitled and childish’

10 minutes ago

‘My father died from infected blood. Rishi Sunak’s apology is too little, too late’

10 minutes ago

Norton Motorcycles: Losses continue to mount at iconic brand

12 minutes ago

Austin enacts sweeping reforms to cut down housing costs

12 minutes ago

Houston-area storm recovery: Latest school closures, power outages and how to get help

12 minutes ago

Supreme Court Justice Alito sold Bud Light owner's stock amid boycott

15 minutes ago

Kaizer Chiefs: FIVE players to leave the club end of the season

16 minutes ago

‘The Other Way Around' Review: A Fun, Feisty, Anti-Romantic Comedy That Hollywood Should Learn from

16 minutes ago

Wealth Enhancement Group's Ayako Yoshioka: We still like having exposure to tech

16 minutes ago

Gold earring found in burned ruins of an Iron Age village may reveal ‘moment in time,’ archaeologists say

16 minutes ago

Clever Bathroom Renovation Tips Joanna Gaines Swears By

16 minutes ago

Carlos Rodon showing he finally feels at home with Yankees

16 minutes ago

Try Martha Stewart's Easy Decor Hack For Chic Home Office Storage

16 minutes ago

Rishi Sunak apologises to infected blood victims: 'day of shame for the British state'

16 minutes ago

Dasha On the Success of Hit Song "Austin," Teases 'What Happens Now' Deluxe Version & More | Country Power Players 2024

16 minutes ago

Injured Chelsea midfielder Enzo Fernandez named in provisional Argentina squad for Copa America

16 minutes ago

Northern Lights Could Return Tonight as Solar Storm Charges Aurora Borealis

16 minutes ago

Assisted dying in France: The ultimate freedom?

16 minutes ago

Biden White House stays unusually quiet on the death of Iranian president and foreign minister

16 minutes ago

Chris & Morgane Stapleton Talk Working With Dua Lipa & Wanting To Work With Harry Styles & Paul McCartney | ACM Awards 2024

16 minutes ago

Browns Offseason Grade: Jerry Jeudy Trade Not a 'Splash' Move?

16 minutes ago

'Constantly learning' Imanaga off to impressive start with the Chicago Cubs

17 minutes ago

Messi leads Argentina's squad for pre-Copa America friendlies

17 minutes ago

Andy Murray on course for defeat in Geneva before weather intervenes

17 minutes ago

Senate report finds parts made with China's forced labor in cars by BMW, Jaguar Land Rover and VW

17 minutes ago

Star golfer Scottie Scheffler's arraignment postponed after arrest during PGA Championship

18 minutes ago

Fired X-Men '97 Creator Beau DeMayo's Season 2 Involvement Might Worry Fans

19 minutes ago

President Widodo of nickel-rich Indonesia pitches EV battery plant plan to Elon Musk

19 minutes ago

General Staff: Ukraine fights off Russian attack near Starytsia village in Kharkiv Oblast

19 minutes ago

Colorado Governor Signs One Of The First US Bills To Regulate AI And Prevent Algorithmic Discrimination

19 minutes ago

‘It’s next man up’ for Vancouver Canucks heading into Game 7 without Brock Boeser

22 minutes ago

Ofcom investigating Eamonn Holmes’ GB News show as Arlene Foster accuses regulator of ‘shutting down free speech’

22 minutes ago

EQT CEO Toby Rice on the state of natural gas market

Kênh khám phá trải nghiệm của giới trẻ, thế giới du lịch