ก.ล.ต.เปิดกองทุน ลุยคริปโท จ่อเฮียริ่ง พ.ค. เพิ่มทางเลือก รายใหญ่-รายย่อย
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และ โฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ก.ล.ต. เดือน เม.ย. มีมติในกฎเกณฑ์ให้กองทุนต่างๆ สามารถลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ โดยกำหนดประเภทของกองทุน มูลค่าเงินลงทุน ความเสี่ยงของการลงทุน เป็นต้น
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ให้กองทุนต่างๆ ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คณะกรรมการกำกับตลาดทุน พิจารณาความเสี่ยงใน 2 เรื่องหลัก คือ ความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล แบ่งเป็น 2 กลุ่มในเบื้องต้น คือ กลุ่มแรก อินเวสท์เม้นท์โทเคน (Investment Token ) และคริปโทเคอร์เรนซี่ ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสและสร้างทางเลือกให้กับนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยที่มีการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้นคาดว่า จะเปิดรับฟังความเห็นได้ภายในเดือนพ.ค.นี้
กลุ่มสอง “คริปโทเคอร์เรนซี” หรือเหรียญดิจิทัลต่างๆ ที่ออกโดยเครือข่ายต่างๆ หรือไม่มีปัจจัยพื้นฐาน มีความเสี่ยงสูงและมีความผันผวนทางด้านราคาที่สูงมาก เป็นความเสี่ยงสูงมากกว่าโทเคนเพื่อการลงทุน ความเสี่ยงเรื่องที่ 2 คือ ความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละประเภท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก นักลงทุนรายย่อย ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และกลุ่มสอง นักลงทุนที่มีความซับซ้อนสูง ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (HNW) รวมถึงนักลงทุนสถาบัน ที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่า
ขณะเดียวกันที่ประชุมบอร์ด ก.ล.ต. ยังเห็นชอบในการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำไฟลิ่ง Investment Token ในรูปแบบ Shelf Filling เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการระดมทุนผ่าน Investment Token โดยเฉพาะการสนับสนุนด้าน Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ทำให้ค่ายเพลง นักแต่งเพลง ค่ายหนัง ค่ายละคร ผู้กำกับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power เข้ามานำเสนอโครงการผ่าน Investment Token ให้กับนักลงทุนได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการระดมทุน และดึงดูดนักลงทุนที่สนใจลงทุนในรูปแบบดังกล่าว โดย ก.ล.ต.เตรียมเปิดเฮียริ่งภายในพ.ค.นี้ เพื่อสนับสนุนด้านการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาล สนับสนุนความยั่งยืนขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย NET ZERO
แหล่งข่าวโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ผ่านอนุมัติใช้การยกระดับเกณฑ์ Price Rule ให้ธุรกรรมขายชอร์ตต้องทำที่ระดับราคาสูงกว่าราคาตลาดครั้งสุดท้ายเท่านั้น (Uptick rule) เพื่อป้องกันการ Dump ราคา แต่หลังมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (Hearing) สำหรับมาตรการควบคุมการขายชอร์ต (Short Selling) เมื่อ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นชอบให้ดำเนินการด้วยการใช้ Uptick rule เพื่อลดผลกระทบจากการขายชอร์ตที่ปัจจุบันวอลุ่ม 50 % มาจากนักลงทุนต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ทาง ตลท. ไม่ได้ดำเนินการใช้มาตรการดังกล่าวในช่วงที่เกิดปัญหาความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยปี 2566 เนื่องจากมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะใช้มาตรการดังกล่าว และสภาวะตลาดเป็นเรื่องปัจจัยพื้นฐาน ไม่ใช่เรื่องความผิดปกติ ที่มีนัยสำคัญ จึงทำให้ยังใช้
มาตรการกำหนดราคาเท่ากับหรือสูงกว่าราคาตลาดครั้งสุดท้าย (Zero Uptick Rule) หากดำเนินการแก้ซอฟต์แวร์และดำเนินการได้จะทำให้เกิดมาตรการเข้มที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้
ส่วนมาตรการเกี่ยวข้องกับนักลงทุน HFT ถือว่าจุดสำคัญยังเป็นการให้ขึ้นทะเบียนเพื่อติดตามพฤติกรรมซื้อขาย กลุ่มนี้มีจำนวนไม่สูงแต่มูลค่าการซื้อขายกลับสูงมากและอยู่ในโบรกเกอร์รายใหญ่ ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตเกณฑ์ลงทะเบียนไม่ใช่เรื่องใหม่มีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรเพิ่มคือการแยกกลุ่ม HFT ประเภทสมองกลและยังอาศัยความได้เปรียบส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วเพราะใกล้กับระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ หรือ Colocation ออกจากกันไม่ให้เป็นกลุ่ม HFT ประเภทเดียวกันเพื่อลดความได้เปรียบกลับไม่มีการแตะเรื่องนี้