กองทัพพม่า แสดงแสนยานุภาพครั้งใหญ่ ครบรอบสถาปนากองทัพ 79 ปี

กองทัพพม่า แสดงแสนยานุภาพครั้งใหญ่ ครบรอบสถาปนากองทัพ 79 ปี

เมื่อวานนี้กองทัพพม่าจัดพิธีสวนสนามครั้งใหญ่เพื่อแสดงแสนยานุภาพเนื่องในวันสถาปนากองทัพครบรอบ 79 ปี

โดยการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพพม่าเกิดขึ้น หลังครบรอบ 3 ปีของการก่อรัฐประหารไม่นาน และเกิดขึ้นในวันที่กองกำลังชาติพันธุ์กำลังรุกหนัก จนทำให้กองทัพพม่าตกอยู่ในสภาวะที่เพลี่ยงพล้ำอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ สิ่งที่หลายคนให้ความสนใจในงานสถาปนากองทัพ คือ การประกาศของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาที่ระบุว่า การเข้ามาดูแลประเทศของทหารจะเป็นการดูแลเพียงชั่วคราวจนกว่าประชาธิปไตยจะแข็งแรง

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ทหารพม่าหลายพันนายได้เข้าร่วมในพิธีสวนสนามประจำปีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา เพื่อแสดงแสนยานุภาพเนื่องในวันครบรอบ 79 ปีของการสถาปนากองทัพพม่าหรือทัดมาดอว์

ทั้งนี้ ทัดมาดอว์ถือเป็นสถาบันที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ จุดก่อกำเนิดมีความเกี่ยวพันอย่างแนบแน่นกับการเมืองสมัยใหม่ที่เริ่มนับตั้งแต่ช่วงพม่าเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ ในคราวนั้น กลุ่มคนหนุ่มที่มีแนวคิดชาตินิยมที่นำโดยนายพลออง ซาน บิดาของนางออง ซาน ซู จี ก่อตั้งกองกำลังที่ชื่อ Burma Defense Army หรือ BDA เพื่อเข้าฝึกอาวุธกับกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อหวังปลดปล่อยพม่าจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้จะจบและญี่ปุ่นกำลังเพลี่ยงพล้ำ นายพลออง ซานก่อตั้งองค์กรลับใต้ดิน เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นและฝ่ายอักษะ รวมถึงแปรเปลี่ยนให้กองกำลัง BDA เป็นกองทัพกู้ชาติเพื่อแสดงตนเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร จนกระทั่งในวันที่ 27 มีนาคมปี 1945 กองกำลัง BDA เข้าโจมตีกองกำลังญี่ปุ่น

จากนั้นไม่นาน สหรัฐฯ ก็ได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น ก่อนที่ในวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ญี่ปุ่นจะประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ถือเป็นจุดยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ พม่ากลายเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างผู้ชนะ ผ่านไป 3 ปีหลังสงครามโลกสิ้นสุด พม่าก็ได้รับเอกราชจากอังกฤษ

ชื่อของกองกำลัง BDA ถูกเปลี่ยนเป็น Burma National Army หรือกองทัพแห่งชาติพม่า และวันที่ 27 มีนาคมซึ่งเป็นวันที่กองกำลัง BDA โจมตีกองกำลังญี่ปุ่นกลายเป็นวันสำคัญของชาติที่เรียกว่า วันกองทัพพม่า จากกองกำลังเล็กๆ ที่ชื่อ BDA

กลายมาเป็นกองทัพพม่าหรือทัดมาดอว์ที่พร้อมด้วยอาวุธและกำลังพล วางตัวเองไว้ในฐานะผู้พิทักษ์ความมั่นคงที่ประเทศชาติจะขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในวันครบรอบปีที่ 79 ทัดมาดอว์กำลังตกอยู่ในสถานะคลอนแคลน หลังกองกำลังชาติพันธุ์ได้เข้ารุกหนัก

ทั้งนี้ปฏิบัติการรุกของกองกำลังชาติพันธุ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมปีที่ผ่านมา กองทัพโกก้าง หรือ MNDAA / กองทัพปลดปล่อยตะอางหรือปะหล่อง หรือ TNLA และกองทัพอาระกัน หรือ AA จับมือรวมตัวกันในนาม “กองกำลังพันธมิตรสามภราดรภาพ” เปิดฉากโจมตีทัดมาดอว์ทุกทิศทาง ตั้งแต่รัฐฉานทางตอนเหนือซึ่งติดกับประเทศจีน รัฐชินและรัฐยะไข่ซึ่งอยู่ทางตะวันตก ไปจนถึงรัฐกะยา และรัฐกะเหรี่ยงซึ่งอยู่ทางตะวันออก

นอกจากกองกำลังชาติพันธุ์แล้ว ทัดมาดอว์ยังเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากกองกำลังพิทักษ์ประชาชนหรือ PDF ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยเยาวชนชาวพม่าหลังทัดมาดอว์ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปี 2021 ด้วยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ทัดมาดอว์ถูกรุกหนักจนเสียทหารและพื้นที่ไปเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ขึ้นกล่าวปราศัยระหว่างการสวนสนาม ขอร้องให้ประชาชนชาวเมียนมาอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของกองกำลังชาติพันธุ์และกองกำลัง PDF โดยระบุว่า คนเหล่านี้เป็นเพียงองค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติด เพื่อนำเงินมาทำสงครามกับรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกเลิกสนับสนุนกองกำลังชาติพันธุ์และกองกำลัง PDF โดยระบุว่า กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่หวังจะบั่นทอนความพยายามของรัฐบาลในก่อร่างสร้างประชาธิปไตย

พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ซึ่งเป็นผู้นำคณะรัฐประหารเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังย้ำด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ปี 2021 ซึ่งเป็นวันก่อรัฐประหาร ทหารมีความจำเป็นต้องเข้ามาปกครองประเทศเป็นการชั่วคราว

หลายฝ่ายพยายามถอดรหัสคำพูดของผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาที่ระบุว่า การปกครองประเทศชั่วคราวของทหารพม่าคืออะไร นี่เป็นการส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมนี้ตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่

โดยย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สื่อทางการเมียนมาเพิ่งจะเผยแพร่บทสัมภาษณ์ที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TASS ของรัสเซียว่า กองทัพพม่ามีแผนที่จะทำให้ประเทศกลับไปสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย

โดยหากประเทศสงบสุขและมีเสถียรภาพแล้ว กองทัพจะจัดการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าการเลือกตั้งอาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็จะเป็นเพียงการเลือกตั้งหลอกๆ เพราะมีการยุบพรรคการเมืองไปแล้วกว่า 40 พรรคตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขณะที่การส่งสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้ง เกิดขึ้นในวันที่ฝ่ายต่อต้านยังรุกคืบยึดพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ( 26 มี.ค.) กองกำลังป้องกันชนชาติคะเรนนี หรือ KNDF ซึ่งมีฐานที่มั่นในรัฐคะเรนนีหรือรัฐคะยาบริเวณแนวพรมแดนติดกับประเทศไทย บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถยึดพื้นที่รัฐคะเรนนีได้ถึงร้อยละ 90 แล้ว เหลือเพียง 3-4 เมืองหรือประมาณร้อยละ 10 ของพื้นที่เท่านั้นที่กองทัพพม่ายังตรึงไว้ได้ โดยเมืองดังกล่าว คือ หลอยก่อ พะยูโซ บอละแค่ และพ่าส้อง

ขณะที่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากองทัพอาระกัน หรือ AA ที่มีฐานเคลื่อนไหวหลักในรัฐยะไข่ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศประกาศว่า ขณะนี้ทางกลุ่มยึดเมืองสำคัญไว้ได้ 3 เมืองแล้วอย่างสมบูรณ์ โดยเมืองเหล่านั้นประกอบไปด้วย เมืองมรัคอู (มะ-รัก-อู) เมืองเจ๊าตอ และเมืองมินบยา

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รอบโลกเดลีได้สัมภาษณ์ เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรว่ากองทัพพม่าจะสามารถต้านทานการรุกคืบของกองกำลังชาติพันธุ์ได้หรือไม่ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรได้ตอบว่า ดูจากสถานการณ์ขณะนี้อาจเป็นเรื่องที่ยาก และทางออกของวิกฤตนี้คือการเจรจาเท่านั้น

“เดวิด คาเมรอน” รัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักรได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรอบโลกเดลีระหว่างการเดินทางเยือนไทย โดยระบุว่า ขณะนี้ ความขัดแย้งในเมียนมาได้กลายเป็นสงครามกลางเมืองหลายด้านไปแล้ว พร้อมยืนยันว่า ปัญหานี้ไม่ควรแก้ด้วยวิธีการทางทหาร แต่ควรให้ทุกภาคส่วน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจา เพื่อการแก้ไขปัญหาการเมืองในอย่างยั่งยืน

ในส่วนของคำถามที่ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะเห็นด้วยกับการเจรจาหรือไม่ คาเมรอนระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาอาจจะไม่เห็นด้วยในตอนนี้ แต่เขายืนยันว่าจากสถานการณ์ในเมียนมาปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าการเจรจาร่วมกันจากทุกฝ่าย ถือเป็นทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหาของเมียนมาได้